GOLD GEAR CLUB
ขึ้นดอยเวียงผา ไปหาบ้านห้วยต้นตอง
วันเสาร์ที่ 13 มกราคม 2561 : ซึ่งตรงกับวันเด็กแห่งชาติ กระผม “มิตรภาพแห่งการสัญจร” (ทิดฉ่อย-บุญชัย ภัทรมังคลานนท์) ประธานชมรมโกลด์เกียร์คลับ ได้มีโอกาสนำชาวคณะเกือบ 40 ลำ ที่เป็นสมาชิกของชมรมโกลด์เกียร์คลับ (Gold Gear Club) พากันขึ้นดอยเวียงผา ซึ่งเป็นดอยสูงขนาดใหญ่ กั้นระหว่างอำเภอไชยปราการ จังหวัดเชียงใหม่ กับอำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย เพื่อไปร่วมพัฒนาชาติไทย เลี้ยงอาหารกลางวัน และส่งมอบห้องสมุดให้เด็กน้อยบนดอยนั้น
บนยอดดอยนั้น เป็นหมู่บ้านห้วยต้นตอง ซึ่งอยู่ห่างจากตัวอำเภอไชยปราการ 25 กิโลเมตร ประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวเขาเผ่าลีซอ มีทั้งนับถือศาสนาคริสต์, พุทธ และนับถือผีแบบลัทธิบอน ประกอบอาชีพทำสวน ทำไร่ และรับจ้างทั่วๆไป มีฐานะค่อนข้างยากจน และในหมู่บ้านก็มีโรงเรียนบ้านห้วยต้นตอง เปิดสอนตั้งแต่อนุบาล-ป.6 ปัจจุบันมีเด็ก 114 คน ครู 11 คน แต่ทางโรงเรียนยังขาดแคลนห้องสมุด และขาดแคลนสมุดหนังสือในห้องด้วย เด็กๆที่สนใจอยากอ่านหนังสือ จึงนั่งอ่านกันตามใต้ต้นไม้ เมื่อฝนตกก็เลิกลากันไป หรือเมื่อแสงแดดร้อนจัด ก็งานเลี้ยงเลิกลาเช่นกัน
ทาง “ผอ.เอกชัย ถามณี” ผู้ซึ่งมองเห็นความตั้งใจของเด็กๆ จึงอยากจะได้ห้องสมุด เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่นักเรียน จึงขอความอนุเคราะห์มาทางชมรมโกลด์เกียร์คลับ ซึ่งทางชมรมฯ ก็ไม่ได้ปฎิเสธ ส่งตัวแทนขึ้นสำรวจทันที มีเวลาหาทุนในการสร้างห้องสมุดเพียงแค่สองเดือน โดยระดมทุนกันมาจากภาคีเครือข่ายออฟโรดทั่วๆไป และผู้สนับสนุนต่างๆนาๆ เป็นจำนวนเงินที่สร้างทั้งสิ้น 220,000 บาท (สองแสนสองหมื่นบาทถ้วน)
นี่ก็คือที่มาของภารกิจ กระผม “มิตรภาพแห่งการสัญจร” ได้นำสมาชิกขึ้นมาส่งมอบห้องสมุดกันในวันเด็กแห่งชาติพอดี พร้อมจัดกิจกรรมเล่นเกมส์ เลี้ยงไอติม เลี้ยงอาหารกลางวัน และยังมีสิ่งของต่างๆมากมายมอบให้กับเด็กๆ และทางโรงเรียนบ้านห้วยต้นตอง
หลังจากนั้นอีก 1 เดือนเศษ “มิตรภาพแห่งการสัญจร” ได้รับเชิญจาก “ผอ.เอกชัย ถามณี” ให้ขึ้นมางานปีใหม่ชาวลีซอ ซึ่งปีนี้ตรงกับวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2561 บางแห่งก็เรียกว่า “งานกินวอ” ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นชาวเขาเผ่ามูเซอ ละหู่ เรียกกัน
ประเพณีปีใหม่ของชาวลีซอมีกันมาช้านาน จะจัดกันก็ประมาณช่วงตรุษจีน งานบางหมู่บ้านจัดกัน 7 วัน 7 คืน เป็นวันที่มีความสำคัญมากสำหรับชาวลีซูหรือลีซอ จึงต้องมีการเฉลิมฉลองทางพิธีกรรม และจัดงานรื่นเริง เช่น การทำบุญศาลเจ้าและเทพเจ้าต่างๆ การขอศีลขอพรจากเทพเจ้าและผู้อาวุโส การร้องเพลง การเล่นดนตรี และการเต้นรำ เป็นต้น ลูกหลาน ญาติพี่น้อง ที่ไปประกอบอาชีพต่างบ้านต่างเมืองก็จะหาเวลากลับมาพบญาติๆกัน อย่างเช่น น้องครีม น้องอิ้ง สาวงามประจำหมู่บ้าน ที่เป็นศิษย์เก่าโรงเรียนบ้านห้วยต้นตอง ก็ยังกลับมาไหว้ครูบาอาจารย์ ซึ่งปัจจุบันนี้น้องทั้งสองได้ศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง ปี 4 ในกรุงเทพฯ
เช้าวันงาน ชาวบ้านจะเอาข้าวเหนียวมาแช่น้ำ แล้วนำมาตำจนนุ่ม โรยแป้ง และงา ปั้นเป็นก้อนโตพอประมาณ ห่อด้วยใบตองนำมาเลี้ยงและเป็นของเซ่นไหว้ บางท่านก็นำมาทอดและโรยนมข้นหวานกินเป็นอาหารเช้า ซึ่งเขาเรียกว่า “ข้าวปุก” จะมีทำเฉพาะวันงานปีใหม่ลีซอเท่านั้น
พอสายๆ ชาวบ้านและหนุ่มสาวจะแต่งกายชุดประจำเผ่ามาร่วมรำวง โดยล้อมวงกัน มีกิ่งต้นสนที่สูงเรียวสัก 1.5 เมตรปักไว้ตรงกลาง ภาษาลีซอเขาเรียกว่า “ตันเคลี้ยะ” และมีโต๊ะวางสิ่งของเซ่นไหว้ เช่น หมู ข้าวปุก ผลไม้ และเหล้า เป็นต้น ประเพณีการรำวงนี้ชาวลีซอเรียกว่า “รำวงวาเคลี้ยะ” วา แปลว่า คาราวะ ไหว้, เคลี้ยะ แปลว่า ต้นเคลี้ยะหรือต้นสน การรำวงวาเคลี้ยะจะมีนักร้องอยู่ตรงกลางวง โดยใช้เครื่องดนตรีทั้งสองประเภท เช่น ประเภทเป่าก็คือ แคนน้ำเต้า หรือชาวลีซอเรียกว่า “ฟู่วหลูว” ส่วนอีกประเภทเป็นประเภทดีดก็คือ ซึง หรือชาวลีซอเรียกว่า “ซือบือ”
ช่วงจังหวะทำนองของเครื่องดนตรีทั้งสองประเภทนี้ไพเราะมาก พร้อมกับการร้องเพลงและจับมือเดินวนไปรอบๆวง หากมีจำนวนคนมากขึ้นก็แบ่งเป็นวงด้านในซ้อนกันเข้าไป รำกันทั้งกลางวันทั้งกลางคืน บางหมู่บ้านก็รำกันถึงเช้า การเต้นรำของชาวลีซอนั้น ถือว่าเป็นการเกี้ยวพาราสีอย่างหนึ่ง เปิดโอกาสให้หนุ่มสาวจับมือเต้นด้วยกันได้ ไม่ถือว่าผิดผี เฉพาะงานปีใหม่เท่านั้น
กระผม “มิตรภาพแห่งการสัญจร” จึงอยากเต้นถึงเช้าเหมือนกัน แต่ด้วยรสชาติสุราประจำหมู่บ้านแล้ว ทำให้ “มิตรภาพแห่งการสัญจร” ยืนระยะยาวไม่ไหว คงต้องขอเป็นปีหน้าจะพาท่าน “อ.รณชิต” ไปร่วมด้วยละกัน..สวัสดีครับ