บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ให้ความสำคัญถึงเรื่องความปลอดภัยของผู้ขับขี่รถยนต์ จึงได้คิดค้นเทคโนโลยีระบบความปลอดภัย เพื่อลดอัตราการเกิดอุบัติเหตุจากการขับขี่ให้เป็นศูนย์ Accident-Free Driving นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาทักษะการขับขี่ เพื่อให้ผู้ขับขี่เข้าใจในการใช้งานระบบความปลอดภัยของรถยนต์ และสามารถนำไปใช้ให้เป็นประโยชน์ในการช่วยเหลือตนเอง และบุคคลรอบข้าง ในกรณีที่เกิดเหตุคับขัน เพื่อลดความรุนแรงที่อาจจะเกิดขึ้นได้
• ครูอั๋น-ศิริคุปต์ เมทนี และมร.ปีเตอร์ แฮ็คเค็ท หัวหน้าทีม และผู้ฝึกสอนอีกหลายท่าน
คราวนี้ บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้จัดฝึกอบรมเทคนิคการขับขี่ปลอดภัยครั้งที่ 15 โดยเชิญสื่อมวลชนและลูกค้าคนสำคัญ เสริมทักษะความรู้และวิธีการขับขี่แบบปลอดภัย ในกิจกรรม Mercedes-Benz Driving Events 2018 ยกขบวนรถหรู 10 รุ่น 21 คัน ให้ลองขับกัน โดยมีทีมผู้ฝึกสอนมืออาชีพจากประเทศออสเตรเลีย นำโดย มร.ปีเตอร์ แฮ็คเค็ท หัวหน้าทีม และผู้ฝึกสอนจากเมอร์เซเดส-เบนซ์ อีกหลายท่าน รวมถึงทีมผู้ฝึกสอนชาวไทยก็เข้าร่วมในกิจกรรมครั้งนี้ด้วย
• มร.ปีเตอร์ แฮ็คเค็ท อธิบายระบบความปลอดภัยที่อยู่ในเมอร์เซเดส-เบนซ์
สำหรับรถหรูรุ่นล่าสุดที่ขนมาให้ร่วมทดสอบนั้น มีสุดยอดยนตรกรรมดีไซน์สปอร์ต The New CLS 300 D AMG Premium สปอร์ตคูเป้สุดหรู The E 200 Coupé AMG Dynamic รถยนต์เปิดประทุนแบบ 4 ที่นั่ง S 500 Cabriolet AMG Premium และยนตรกรรมระดับพรีเมี่ยมอีกหลายคัน ณ สนามพีระเซอร์กิต พัทยา
• ท่านั่งเป็นเรื่องแรกที่ต้องเรียน
การฝึกอบรมได้เริ่มต้นจากการเรียนรู้ท่านั่งต่างๆ เช่น การเซ็ตระยะความสูงของเบาะนั่ง การจับพวงมาลัยก็ไม่ควรให้ระยะแขนตึงเกินไป เพราะจะทำให้พละกำลังการเลี้ยวลดลง รวมไปถึงเมื่อเกิดอุบัติเหตุอาจทำให้แขนหักได้ ที่ถูกต้องคือ ให้มีระยะงอที่พอดี ส่วนระยะขากับแป้นเบรกและคันเร่งก็เช่นเดียวกัน ถ้าขาตึงเกินไป กำลังในการเหยียบเบรกและคันเร่งก็จะน้อย ควรมีระยะงอ และองศาที่กำลังดี
• RACE START กดกันเต็มเหนี่ยว
• สนุกทุกคัน สนุกกันทั้งวัน
• มากันฝูงใหญ่
สถานีที่ 1 : Acceleration Test Station
สถานีทดสอบสมรรถนะรถยนต์ด้วยการออกตัวอย่างถูกวิธี รวมถึงของเล่นขาซิ่ง การออกตัวแบบ Race Start โหมดออกตัวพิเศษซึ่งระบบนี้จะมีใน Mercedes-AMG โดยได้ลองทั้ง AMG CLA45 และ A45 หลักง่ายๆ ในการใช้โหมด Race Start จาก Mercedes ขั้นแรกเมื่อรถจอดสนิท เหยียบเบรกค้างไว้ ปรับโหมดการขับขี่ไปที่โหมด Sport เข้าเกียร์ D เสร็จแล้ว ดึง Paddle Shift ทั้ง 2 ข้างเข้าหาตัวพร้อมกัน คอนเฟิร์มการใช้งานอีกครั้งด้วยการดึง Paddle Shift + เข้าหาตัว / เหยียบเบรกกับคันเร่งพร้อมกัน เร่งไปจนได้ยินเสียงเครื่องยนต์ตัด ปั๊บๆๆๆ และพร้อมก็ปล่อยแป้นเบรก รถจะกระชากออกเหมือนการออกตัวของรถเกียร์ธรรมดา สนุก มันส์ เร้าอารมณ์มากมาย
สถานีที่ 2 : Handling Course
สถานีทดสอบในส่วนของสนามโกคาร์ท โดยทีมงานได้จัดตั้งไพลอนในจุดต่างๆ เพื่อฝึกให้เราขับขี่ในไลน์ที่ถูกต้อง ว่าการจะเข้าโค้งควรนำรถไปอยู่ในจุดไหน ควรเบรกจุดไหน สไตล์จะคล้ายๆ เรซซิ่งไลน์ ซึ่งจะเบรก และการเข้าโค้งต่างๆ ค่อนข้างแคบมาก ทำให้ได้ฝึกทักษะการควบคุมการใช้คันเร่ง และเบรก เพื่อไม่ให้ชนกับไพลอนที่ตั้งไว้ตลอดทาง
สถานีที่ 3 : Braking Skills Station
สถานีฝึกทักษะการเบรก ทางผู้ฝึกสอนจัดทางตรงราว 300 เมตร พร้อมตั้งไพลอน เป็นช่องดักเอาไว้บริเวณจุดเบรก การทดสอบจะให้เราออกตัวจากจุดเริ่มต้นด้วยการกดคันเร่งแบบ 100% ทางตรงยาวๆ ไปกระทืบเบรกยังไงก็ได้ให้หยุดรถจนสนิทให้ได้ภายในกรอบไพลอนที่กำหนดไว้ จุดนี้คือการเรียนรู้สมรรถนะของระบบเบรก การตัดสินใจและสายตากับการกะระยะเบรกของผู้ขับขี่
สถานีที่ 4 : Dynamic Response Station
สถานีทดสอบการควบคุมการทรงตัวรถยนต์ และการแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าเมื่อรถยนต์เกิดอาการที่ไม่สามารถควบคุมได้ โดยสถานีนี้เป็นการทดสอบสลาลอมที่เพิ่มความยากไปอีกขั้น ด้วยการวางจุดทดสอบบนทางลาดเอียง และมีการตั้งจุดไพลอนให้มีระยะโยนมากยิ่งขึ้น ความยากไม่ใช่แค่เพียงการตั้งไพลอนที่มีระยะโยนมากขึ้น แต่เป็นการควบคุมน้ำหนักการเหยียบคันเร่งและการเบรก ซึ่งทั้งขับไป ขับกลับ น้ำหนักแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เพราะขาขับไปเป็นทางขึ้นเนิน
แต่กลับกันเป็นการขับลงทางลาด ทำให้น้ำหนักตัวถังรถยนต์ถูกถ่ายโอนไปหน้ารถ เวลาสลาลอมแรงๆ จะทำให้ตัวรถออกอาการท้ายปัดง่ายมากยิ่งขึ้น ต้องควบคุมอย่างถูกวิธี
สถานีที่ 5 : Emergency Testing Station
สถานีทดสอบการหักหลบแบบกระทันหัน สถานการณ์เดียวกับเมื่อขับขี่รถยนต์แล้วมีการตัดหน้า ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ด้วยกันเอง คนเดินข้ามถนน หรือ จักรยานยนต์ โดยสถานีนี้จะฝึกทักษะการตัดสินใจและการหักหลบขณะเหยียบเบรก เริ่มต้นด้วยการขับรถเข้าจุดทดสอบด้วยความเร็ว 60-70 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เมื่อถึงไฟสัญญาณเซ็นเซอร์ที่วางดักอยู่ก่อนถึงจุดหักหลบจะตรวจจับและสลับไฟ (ซ้าย-ขวา) โดยการสุ่ม ซึ่งผู้ขับขี่จะรู้ตัวแบบกระทันหัน ในช่วงระยะประชิดตัวจริงๆ ด้วยการฝึกนี้ทำให้ได้ทดสอบความรวดเร็วของประสาทสัมผัส ทั้งตาและสมองในการสั่งงาน รวมไปถึงการควบคุมพวงมาลัยขณะที่ ตัวรถเกิดการเบรกแบบ 100% หรือ เบรกฉุกเฉิน หากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินจริงๆ ให้เราเหยียบเบรกเต็มกำลัง พร้อมทั้งตั้งสติและใช้มือทั้งสองข้างหักพวกมาลัยไปในทิศทางที่ปลอดภัย ตรงนี้สามารถนำมาใช้งานได้จริงบนท้องถนนบ้านเรา
สถานีที่ 6 : Circuit Experience
สถานีสุดท้าย Circuit Experience เป็นการขับขี่บนแทร็คจริงๆ ในสนามพีระ หลังจากทีมผู้ฝึกสอนขับนำขบวนให้ขับตาม 2 รอบ เพื่อให้ชินกับไลน์ของสนาม และไลน์การขับขี่ในรูปแบบที่ปลอดภัย ก็ปล่อยให้ใส่กันเต็มที่ เป็นการนำเทคนิคที่เรียนมาทั้งวันใช้ในสถานีนี้ทั้งหมด โดยรถยนต์ที่มีให้ลองขับก็มีทุกรุ่น เช่น Mercedes-Benz CLA250, GLA 250 รถกลุ่ม Dream Car อย่าง C250 Coupe, E300 Cabriolet และซีรีส์ AMG สุดโหดอย่าง C43, A45 หรือรุ่นใหญ่สมรรถนะสูงอย่าง S500 ที่พกพลังมาถึง 455 แรงม้า
• สอนทั้งเร่ง-เลี้ยว-เบรก
• ฟังทฤษฎีกลางแจ้ง
สำหรับกิจกรรมดีๆจาก บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด จัดให้ได้ทดสอบและเข้าคอร์สฝึกการขับขี่ เข้ม เต็มรูปแบบทั้งวัน ส่งผลให้เพิ่มพูลทักษะการขับขี่ การตัดสินใจ การควบคุมรถยนต์ และความเข้าใจในการแก้ไขสถานะการณ์ที่เกิดปัญหามากยิ่งขึ้น สิ่งสำคัญที่สุดคือ สติ และสมาธิ ถ้าเราคุมอยู่ เอาอยู่ ปัญหาจะไม่เกิด หรือถ้าเกิด ปัญหานั้นจะเบาลง อย่างแน่นอน
• จบงานเพลินๆไปกับลิปตา