ลองของใหม่ Nissan Terra VL 4×4 ลุยครบทุกรสชาติที่เชียงราย
หลังจากการเปิดตัวไปไม่นานทางนิสสันก็จัดการทดสอบแบบกลุ่มสำหรับรถยนต์เอนกประสงค์รุ่นล่าสุด นิสสัน เทอร์ร่า ใช้เส้นทางในจังหวัดเชียงราย ลัดเลาะตามแนวเขา พร้อมลุยทางออฟโรดที่จัดขึ้นเป็นพิเศษบริเวณโรงแรมที่พัก ลุยกันแบบพอหอมปากหอมคอ การเดินทางทริปนี้ก็ยังคงนั่งเครื่องบินไปเหมือนปกติอย่างที่ปฎิบัติกันมา ไปกันเช้าหน่อย จะได้มีเวลาทอลองขับกันเยอะๆ เมื่อเดินทางถึงโรงแรม A Star ก็ถูกเชิญเข้าห้องประชุมเพื่อทำการการบรรยายผลิตภัณฑ์ จุดเด่นที่ชัดเจนของนิสสัน เทอร์ร่า คือความแข็งแกร่งด้วยแชสซีส์แบบขั้นบันได พร้อมยางรองตัวถังซับแรงสะเทือน 10 ตำแหน่ง ระบบกันสะเทือนหลัง 5 ลิงค์ พร้อมคอยล์สปริงและเหล็กกันโคลง ในส่วนของเครื่องยนต์เป็นบล็อคใหม่ YS23DDTT ดีเซล 4 สูบ 2,298 ซีซี เทอร์โบคู่แบบแแปรผัน VGS พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ กำลังสูงสุด 190 แรงม้า ที่ 3,750 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร ที่ 1,500-2,500 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะ
รุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ มี 3 โหมดขับเคลื่อน คือ 2WD, 4H และ 4L พร้อมระบบ DIFF Lock ที่ล้อหลัง มีสวิตช์เปิด-ปิด การทำงานได้ ทำงานในโหมด 4L ความเร็วไม่เกิน 7 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เมื่อเปิดใช้งานระบบจะส่งแรงบิดไปยังล้อหลังซ้าย-และขวาเท่าๆ กัน แม้ล้อใดล้อหนึ่งหมุนฟรี ล้ออีกฝั่งก็จะมีแรงขับเคลื่อนพร้อมระบบ Brake LSD ส่งแรงเบรกไปยังล้อที่หมุนฟรี และส่งกำลังไปยังล้อที่มีโหลด ช่วยให้ขับผ่านทางวิบากหรือผิวทางเป็นดินโคลนลื่นได้ง่ายขึ้น มาพร้อม Off Road Meter แสดงองศาของตัวรถ และการส่งกำลังของระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ
ส่วนระบบที่เรียกว่าสุดยอดในคลาส นิสสัน เทอร์ร่า ติดตั้งมาให้แบบเต็มที่ 7 อุปกรณ์มาตรฐานในกลุ่ม Nissan Intelligent Mobility ที่เป็นครั้งแรกในรถยนต์เอนกประสงค์ คือ Intelligent Rear View Mirror และ Intelligent Around View Monitor ส่าวนอีก 5 อุปกรณ์ประกอบด้วย Bilnd Spot Warning, Lane Departure Warning, Tire Pressure Monitoring System, Hill Start Assist และ Hill Descent Control
ภายในห้องโดยสารเน้นความเงียบด้วยการติดตั้งฉนวนกันเสียงรบกวนรอบคัน ผนังห้องโดยสารบุวัสดุซับเสียงหนา 3 ชั้น และใช้พรมปูพื้นแบบที่เป็นฉนวนกันเสียงและดูดซับเสียง ใช้กระจกหน้า Acoustic Glass มีชั้นฟิล์มกันเสียงรบกวนหนากว่ากระจกลามิเนตทั่วไป เบาะนั่งออกแบบให้รักระจายแรงกด พนักพิงรองรับแนวกระดูกสันหลัง เบาะแถว 2 เลื่อนเดินหน้าถอยหลังได้ และออกแบบให้พับและกระดกขึ้นได้ในจังหวะเดียวด้วยสวิตช์ไฟฟ้าที่คอนโซลเกียร์ หรือจะใช้คันโยกข้างเบาะก็ได้ ส่วนพนักพิงเบาะแถว 3 สามารถแยกพับได้
เสร็จสิ้นการบรรยายเป็นที่เรียบร้อย ขบวนนิสสัน เทอร์ร่า ก็พร้อมออกเดินทางจากโรงแรม ก่อนออกเดินทางเห็นสภาพอากาศที่ครึ้มฟ้าครึ้มฝนแล้วมั่นใจว่าฝนตกแน่นอน ทีมงาน 4x4Special ได้ขับรุ่นสูงสุด VL 4×4 เส้นทางช่วงแรกจะเป็นทางเรียบก่อนขึ้นเขามุ่งหน้าฐานปฏิบัติการดอยช้างมูบ ช่วงแรกเป็นทางเรียบมีโอกาสได้ลองอัตราเร่งช่วงต้นกันพอสนุกความเร็วช่วงต้นและช่วงกลาง การตอบสนองของเครื่องยนต์ครอบคลุมการใช้งานได้ทั้งหมด อัตราเร่งดีเพราะแรงบิดมาเร็วและเป็นแบบแฟลชทอร์ค ทำให้สามารถเพิ่มความเร็วได้โดยไม่ต้องเค้นกำลังเครื่องยนต์มากจนเกินไปนัก เกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะ ทำงานสัมพันธ์กับเครื่องยนต์ได้ดี จังหวะการเปลั้ยนเกียร์เนียนดี ต่อเนื่อง ส่งตัวรถให้พุ่งไปข้างหน้าได้อย่างทันใจ
ขับทางตรงไปได้ไม่นานก็เริ่มเป็นทางคดเคี้ยวขึ้นเขา และฝนเริ่มตกหนักมากขึ้นทำให้ต้องเพิ่มความระมัดระวังในการขับขี่มากขึ้น ลองเปลี่ยนระบบเกียร์มาเล่น +/- ด้วยตัวผู้ขับขี่เองการควบคุมจังหวะการเปลี่ยนเกียร์สนุกมากขึ้น และไม่ต้องเสียจังหวะในการคิ๊กดาวน์ บางโค้งลองทำความให้เร็วสูงกว่าปกติ การตอบสนองของพวงมาลัยดีจริงอย่างที่วิศวกรบอกในช่วงของการบรรยาย ว่ามีการเซ็ทพวงมาลัยมาให้ตอบสนองการใช้งานได้ดีกว่าคู่แข่งในกลุ่มนี้ ซึ่งจากการขับก็ต้องยอมรับว่าตอบสนองได้ดีจริง น้ำหนักพอดี ไม่เบาหวิวหรือหนักเกินไป การควบคุมรถและพวงมาลัยไม่ต้องออกแรงมาก ขับในโค้งได้คล่องตัวและสนุกมาก
สำหรับช่วงล่างทางด้านหน้าเป็นแบบอิสระปีกนก 2 ชั้น คอยล์สปริงและเหล็กกันโคลง ส่วนด้านหลังคานแข็ง 5 ลิงค์ คอยล์สปริงและเหล็กกันโคลง สามารถรองรับการใช้งานในรูปแบบการขับขี่ปกติและมากกว่าปกติ ทั้งทางตรงและทางโค้ง ได้ดีกว่าที่คาดเอาไว้มากทีเดียว ขับทางเรียบอาการของช่วงล่างด้านหลังแทบไม่มีอาการเต้นหรือดีด ส่วนด้านหน้าช่วงล่างเก็บอาการทั้งหมดได้ดี เซ็ทมาให้ตอบสนองการยืดยุบให้อยู่ในจังหวะที่ทำให้ควบคุมรถได้ง่าย ส่งผลให้มีการทรงตัวดีมากกว่าคู่แข่งแบบรู้สึกได้
เรื่องของการเก็บเสียงต้องบอกว่าทำได้ดีอีกเช่นกัน ภายในห้องโดยสารเงียบ เสียงและการสั่นสะเทือนจากการทำงานของเครื่องยนต์และช่วงล่าง เล็ดลอดเข้าไปในห้องโดยสารไม่มากนัก ส่วนเสียงลมเท่าที่ขับในความเร็วปานกลางถือว่าเงียบใช้ได้ ส่วนอัตราสิ้นเปลืองช่วงแรกได้ตัวเลขประมาณ 12-13 กิโลเมตร/ลิตร ส่วนทางคดเคี้ยวบนเขาได้ตัวเลข ประมาณ 9-10 กิโลเมตรต่อลิตร ส่วนจุดที่น่าชื่นชมอีกอย่างก็คงเป็นเรื่องระบบเบรก ทางวิศวกรเซ็ทมาได้นุ่มนวลปรับน้ำหนักพอเหมาะ ให้แรงเบรกที่ไว้ใจได้ ถึงแม้ว่าจะเป็นแบบหน้าดิสก์หลังดรัมก็ตาม สำหรับตัวช่วยก็มีมาให้ครบทั้ง ABS, EBD และ BA
ส่วนอีกระบบที่เป็นของเล่น First In Class ก็คือกระจกมองหลังที่ทำงานร่วมกับกล้องหลังในตัว สลับการทำงานระหว่างกระจกธรรมดากับกล้อง โดยใช้วิธีโยกคันบังคับเหมือนปรับกระจกลดแสงสะท้อน เมื่อเข้าสู่โหมดกล้องหลังแล้ว สามารถปรับความสว่างและระดับสูง/ต่ำของกล้องได้ ตัวกล้องมองหลังติดตั้งอยู่ด้านในรถข้างไฟเบรกดวงที่ 3 อยู่ในรัศมีการปัดของที่ปัดน้ำฝนหลัง จึงให้ทัศนวิสัยที่ดีตลอดเวลา ภาพจากกล้องหลังไม่ถึงกับคมชัดใสแจ๋วแต่ก็พอจะมองภาพได้เคลียพอสมควร
หลังจากขับลงเขาเรียบร้อย เราก็เดินทางกลับถึงที่พัก ท่ามกลางสายฝนที่กระหน่ำอยู่ตลอดเวลา ทำให้ต้องยกเลิกการทดสอบในสถานีลุยโหด 4x4 ไปอย่างน่าเสียดาย แต่ทางทีมงานกลัวนักข่าวเสียใจก็เลยจัดให้ขับแบบไม่โหดมากนักในสถานี 4×2 ใช้รถนิสสัน เทอร์ร่า ทั้งรุ่น 4×4 และ 4×2 และเนื่องจากฝนที่ตกหนัก ทำให้ดินเปลี่ยนสภาพเป็นโคลนลื่น แต่เราโชคดีได้รุ่น 4×4 ปรับใช้แค่โหมด 4H ก็สามารถผ่านไปได้แบบสบายๆ กำลังเครื่องยนต์เหลือเฟือ ระบบตัวช่วยเพียบ ไปได้แบบเพลินๆ ไม่ต้องลุ้น
การขับบนทางวิบากที่ดินเปียกลื่นแบบนี้ สิง่ที่จำเป็นต้องเปลี่ยนให้สามารถรองรับได้ก็คงเป็นเรื่องของยาง ยางติดรถสำหรับการขับบนถนนปกติ คงจะไม่ตอบรับการลุย ถ้าจะลุยกันจริงๆ คงต้องเปลี่ยนยางที่เหมาะสมกับสภาพพื้นผิว
ส่วนเบาะแถว 2 และ 3 ถามจากทางรุ่นพี่นักข่าวที่ขับด้วยกันได้ความว่า เบาะแถว 2 กว้างขวางนั่งสบาย ทั้งพื้นที่วางขาและเหนือศีรษะ ส่วนเบาะแถว 3 ไม่เหมาะกับการนั่งระยะไกล เพราะที่วางเท้ายกระดับขึ้นมาค่อนข้างสูง เวลานั่งแล้วเข่าจะตั้งชัน แม้จะเลื่อนเบาะแถว 2 เดินหน้าไป ก็ไม่ช่วยให้นั่งสบายขึ้นเท่าไร ส่วนเรื่องการกระจายความเย็นนั้นหายห่วง เพราะมีช่องแอร์บนเพดานที่เบาะแถว 2 และ 3 พร้อมสวิตช์ควบคุมความแรงของพัดลมแอร์แยก ปรับกันสนุกเลย
นิสสัน เทอร์ร่า รถอเนกประสงค์ที่มีคุณภาพการขับที่ดี แทบไม่เหลือความรู้สึกของปิกอัพให้สัมผัส ช่วงล่างนุ่ม หนึบ ตอบสนองได้ดีเกินคาด เครื่องยนต์ให้ความยืดหยุ่นที่ดี มีพละกำลังมากพอสำหรับการใช้งาน เกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะ เน้นความนุ่มนวลราบเรียบ ห้องโดยสารด้านหน้าและแถว 2 กว้างขวาง ถ้านั่ง 4-5 คนถือว่ารับได้ เพราะเบาะแถว 3 น่าจะตอบสนองการจัดวางสัมภาระมากกว่า ส่วนรูปลักษณ์ภายนอกและภายใน พูดตามตรงยังดูเหมือนกระบะมากไปหน่อย โดยความรู้สึกส่วนตัวน่าจะออกแบบให้ดูแข็งแกร่งบึกบึน และทันสมัยมากกว่านี้ เพราะเมื่อพิจรณาเปรียบเทียบกับคู่แข่ง ทำให้ เทอร่า ดูไม่ค่อยโดนใจเท่าไรนัก แต่ถ้าชอบในรูปลักษณ์หรือเน้นเรื่องการใช้งานเป็นหลัก การเลือก นิสสัน เทอร์ร่า ก็ถือว่าเป็นการเลือกที่คุ้มค่ากับราคาที่ต้องจ่าย
ขอบคุณ บริษัท นิสสัน มอเตอร์ ประเทศไทย อำนวยความสะดวกตลอดการเดินทาง