คุณบุญชัย เมธีดุลสถิต กรรมการผู้จัดการ เปิดเผยว่า ปัจจุบัน บริษัท เอ็ม เอฟ ออโต้ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำเข้าผลิตภัณฑ์แบตเตอรี่ชั้นนำของประเทศไทย มีสินค้าแบรนด์ต่างๆ ได้แก่ PUMA Black, PUMA Gold, MF Power, OPTIMA Battery, Index, MF Charger และ Midtronics Tester และ ขณะนี้ อุตสาหกรรมรถยนต์ ได้มีการพัฒนาและ เปลี่ยนแปลงการทำงานของเครื่องยนต์ และ ระบบไฟฟ้าภายในรถยนต์เป็นอย่างมาก ทำให้แบตเตอรี่ต้องมีการพัฒนา เพื่อตอบสนองการทำงานของเครื่องยนต์ จึงเป็นเวลาอันเหมาะสมที่บริษัท จะเริ่มแนะนำผลิตภัณฑ์แบตเตอรี่ PUMA Start Stop Series ทีมีคุณภาพ และ ประสิทธิภาพสูง ช่วยให้รถยนต์ประหยัดน้ำมัน และ ลดการปล่อยไอเสีย ไม่อย่างมีประสิทธิภาพ
เหตุผลที่รถยนต์รุ่นใหม่ จำเป็นต้องใช้ PUMA Start Stop Series
– ในอดีตรถยนต์ ทุกคัน แบตเตอรี่จะมีหน้าที่เพียงจ่ายไฟฟ้า เพื่อการสตาร์ทเครื่องยนต์เพียงอย่างเดียว แล้วไดชาร์จจะทำหน้าที่จ่ายไฟฟ้าให้รถทั้งคันตลอดเวลา ที่เครื่องยนต์ทำงาน พร้อมชาร์จไฟเข้าสู่แบตเตอรี่ตลอดเวลา
– ตั้งแต่ปี 2554 เป็นต้นมา อุตสาหกรรมรถยนต์ได้บังคับใช้กฎหมายรักษาสิ่งแวดล้อม โดยมีเป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซ CO2 (คาร์บอนไดอ๊อกไซด์) และลดการใช้เชื้อเพลิง
– ในประเทศไทย เราได้บังคับกฏหมายการเสียภาษี สำหรับรถยนต์ โดยเสียภาษีตามอัตรการปล่อยก๊าซ CO2 ตั้งแต่ ปี 2559 เป็นต้นมา
– ผู้ผลิตรถยนต์ จึงได้มีการติดตั้งระบบไดชาร์จอัจฉริยะ (Alternator Management System ; AMS) และ ระบบ Stat Stop ในรถที่ผลิตในประเทศไทย ตั้งแต่ 2554 เป็นต้นมา
หลักการทำงานของระบบไดชาร์จอัฉริยะ และ ระบบ Start Stop (ภาพระบบไฟฟ้าในรถยนต์)
ในรถยนต์จะมีแม่เหล็กไฟฟ้า 2 ตัว คือ คอมเพรสเซอร์แอร์ และ ไดชาร์จทำงานอยู่ จะหน่วงการทำงานของเครื่องยนต์เอาไว้ ทำให้รถยนต์สิ้นเปลี่องน้ำมันเชื้อเพลิง เมื่อเราปิดแอร์รถยนต์จะประหยัดน้ำมัน ได้ประมาณ 10 – 15% แต่เราไม่สามารถปิดแอร์ได้ เพราะอากาศร้อน ผู้ผลิตรถยนต์จึงออกแบบให้ไดชาร์จหยุดทำงาน ซึ่งเป็นการลดภาระของเครื่องยนต์ และขณะที่ไดชาร์จหยุดการทำงาน แบตเตอรี่ จะทำหน้าที่ในการจ่ายกระแสไฟฟ้า แทนไดชาร์จ และ จะชาร์จไฟกลับทุกครั้งที่เราถอนคันเร่งเครื่อง ระบบนี้จะทำให้ช่วยให้ประหยัดน้ำมัน และ ลดก๊าซ CO2 ได้ (การทำงานเช่นนี้ เรียกว่า ระบบไดชาร์จอัจฉริยะ ; Alternator Management System: AMS)
ในรถยนต์บางรุ่นจะมีระบบ Start Stop ซึ่งเครื่องยนต์ จะหยุดทำงาน ทุกครั้งที่รถจอดหยุดนิ่ง โดยแบตเตอรี่จะเป็นผู้รับภาระจ่ายกระแสไฟฟ้าให้อุปกรณ์ไฟฟ้าทุกชนิดขณะเครื่องยนต์หยุดทำงาน ซึ่งทำให้ลดการปล่อยก๊าซ CO2 ได้มาก และช่วยให้ประหยัดน้ำมันเช่นกัน จากการทำงานเช่นนี้ ทำให้แบตเตอรี่ ต้องรับภาระการทำงานหนักมากกว่าเดิมหลายเท่า จึงมีอายุการใช้งานสั้นกว่าเดิมมาก
แบตเตอรี่ PUMA Start Stop ออกแบบเพื่อให้รองรับการทำงานของระบบ ไดชาร์อัจฉริยะ และ Start Stop และ มีอายุใช้งานยืนยาว ผลที่ลูกค้าจะได้ คือ รถประหยัดน้ำมันเพิ่มขึ้น, ลดการปล่อยก๊าซ CO2 และ อายุใช้งานยืนยาว
คุณสมบัติพิเศษของ PUMA Start Stop Series
PUMA Start Stop Series เป็นแบตเตอรี่ ที่ออกแบบให้มีแผ่นธาตุแบบพิเศษให้สารเคลือบแผ่นธาตุมีความหนาแน่นสูง โดยมีการเพิ่มสารคาร์บอน และไฟเบอร์ ลงไปในสารเคลือบแผ่นธาตุ ทำให้มีคุณสมบัติ ในการรับกระแสชาร์จกลับได้เร็ว และ มีการคายประจุไฟฟ้าได้นานขึ้น จึงทำให้มีอายุการใช้งานยาวนาน โดยได้ผ่านการทดสอบ ตามมาตรฐาน SBA S0101 ซึ่งเป็นมาตรฐานที่รองรับการทำงานของระบบ Start Stop ที่แบตเตอรี่ รุ่นใหม่ต้องผ่านการทดสอบให้ได้มากกว่า 30,000 Cycles และ ทำให้เครื่องยนต์ลดการทำงานลงได้ประมาณ 3-5% มีผลให้ประหยัดน้ำมัน และ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (CO2) ได้
PUMA Start Stop จะมี 2 ประเภท คือ PUMA EFB ใช้สำหรับรถยนต์ ที่วางแบตเตอรี่ไว้ในห้องเครื่องที่มีความร้อนสูง โดยมากใช้กับรถยนต์ญี่ปุ่น และ ปิคอัพ PUMA AGM ใช้สำหรับรถยุโรป ที่ติดตั้งแบตเตอรี่ไว้ภายในห้องโดยสาร หรือ ช่องสำภาระ และ รถที่มีการติดตั้งระบบ Start Stop แบบ Advance ซึ่งจะทำให้แบตเตอรี่ ต้องรับภาระหนักกว่าแบบปรกติ ซึ่ง AGM แบตเตอรี่จะสามารถคายประจุไฟฟ้าได้ยาวนานกว่า EFB และมีอายุใช้งานยาวนานกว่า EFB
ที่สำคัญความพิเศษของแบตเตอรี่ PUMA Start Stop อยู่ที่อายุใช้งานยาวนาน ผ่านมาตรฐาน SBA S0101 ได้มากกว่า 30,000 Cycles และช่วยให้รถยนต์ ลดการปล่อยก๊าซ คาร์บอนไดอ๊อกไซด์ (CO2) 3 – 10% และยังช่วยให้รถยนต์ ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงได้ 3 – 10%
คุณบุญชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า ส่วนเป้าหมายการตลาด ผลิตภัณฑ์ PUMA Start Stop Series มีเป้าหมายเจาะกลุ่มผู้ใช้รถรุ่นใหม่ที่ผลิตในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2554 ซึ่งเป็นรถยนต์ที่เริ่มมีการติดตั้งไดชาร์จอัจฉริยะ และ ระบบ Start Stop โดย PUMA Start Stop ได้รับประกันคุณภาพแบตเตอรี่ 18 เดือน หรือ 60,000 กม. ทำให้ผู้บริโภค มั่นใจได้ในคุณภาพของแบตเตอรี่ PUMA Start Stop และ ทำให้บริษัทสร้างการเติบโตสู่ยอดขายระดับ 400 ล้านบาท/ปี ได้ในระยะเวลา 2 ปีนับจากนี้
แบตเตอรี่ PUMA ทุกรุ่น ผลิตโดยเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่มีการพัฒนาที่ไม่หยุดยั้งทั้งในด้านรูปแบบแผ่นธาตุ ความจุกระแสไฟฟ้า และวัสดุที่ใช้ จึงทำให้มีความคงทนต่อทุกสภาพอากาศ,เหมาะสำหรับรถยนต์ที่ใช้กำลังแรงสูง, แรงม้าที่สูง และรถยนต์ที่แต่งเครื่องเสียงระดับเทพ ในปัจจุบันสำหรับคนใช้รถยนต์ญี่ปุ่นทั่วไปเริ่มรับรู้ว่า แบตเตอรี่ PUMA ป้อนกระแสไฟที่แรงให้กับรถยนต์ได้ดีและอายุงานยาวนาน จึงทำให้มีเสียงกระแสการตอบรับเพิ่มมากขึ้นอย่างเป็นนัยสำคัญมาโดยตลอด