Chevrolet Trailblazer Phoenix Edition LTZ 4×2 ขับรุ่นแต่งพิเศษเที่ยวกาญนะจ๊ะบุรี
เชฟโรเลต กระตุ้นตลาดเอสยูวีในช่วงท้ายของโมเดลด้วยการแต่งหน้าทาปากให้กับเทรลเบลเซอร์ รุ่นตกแต่งพิเศษ Phoenix Edition เสริมความหล่อด้านหน้าด้วยสติกเกอร์ TRAILBLAZER ที่ฝากระโปรง และตราสัญลักษณ์เชฟโรเลตสีดำ ด้านข้างเพิ่มชุดแต่งซุ้มล้อสีดำด้าน ทั้ง 4 ล้อ และสติกเกอร์ข้างหลังคาสีดำด้าน ที่ขอบล่างของตัวรถเพิ่มสติกเกอร์สีเทาลายสปอร์ต ด้านหลังเพิ่มตราสัญลักษณ์เชฟโรเลตสีดำ พร้อมคิ้วตกแต่งฝาท้าย TRAILBLAZER สีดำด้าน และชุดกันรอยกันชนท้าย เพิ่มความสปอร์ตด้วยสปอยเลอร์หลังสีดำด้าน ภายในเน้นความสดใสด้วยการตกแต่งโทนสีแดงบริเวณช่องแอร์ คอนโซลเกียร์ และแผงข้างประตู รุ่นเริ่มต้น 2.5 VGT LT 2WD AT ราคาเร้าใจ 999,000 บาท จากปกติ 1,244,000 บาท ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว เทอร์โบแปรผัน พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ ความจุ 2,499 ซีซี กำลังสูงสุด 180 แรงม้า ที่ 3,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 440 นิวตัน-เมตร หรือ 44.8 กก.-ม. ที่ 2,000 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ พร้อม Manual Mode
คุณปิยะนุช จตุรภัทร์ ผู้อำนวยการทั่วไป ฝ่ายขายและการตลาด เชฟโรเลต เซลส์ ประเทศไทย
สำหรับกิจกรรมในวันนี้เราได้รับเกียรติจากคุณปิยะนุช จตุรภัทร์ ผู้อำนวยการทั่วไป ฝ่ายขายและการตลาด เชฟโรเลต เซลส์ ประเทศไทย กล่าวต้อนรับสื่อมวลชน และคุณชัชวาล จันทเขต ผู้อำนวยการทั่วไป ฝ่ายวิศวกรรมพัฒนาผลิตภัณฑ์ เจนเนอรัล มอเตอร์ส ประเทศไทย ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อธิบายเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ พูดคุยเรื่องตัวรถกันพอหอมปากหอมคอ เราก็ออกเดินทางกันประมาณ 9 โมงเช้า สำหรับรถที่ทางทีมงานและเพื่อนสื่อมวลชนได้รับมาเป็นเทรลเบลเซอร์ ฟินิกซ์ อิดิชั่น รุ่น LTZ 4×2 นั่งสามคนรวมผู้ขับ ออกเดินทางจากในเมืองรถติด ต้องเร่งต้องเบรกบ่อย ความรู้สึกที่แปลกไปคือ มีการตอบสนองของคันเร่งและเครื่องยนต์ที่กระฉับกระเฉงขึ้นกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด จุดแวะพักแรกของเราในวันนี้เป็น ปั๊ม ปตท. ดอนกลาง จังหวัดสุพรรณบุรี ระยะทางประมาณ 90 กิโลเมตร ขับด้วยความเร็วเดินทางประมาณ 100-110 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยประมาณ 11-12 กิโลเมตรต่อลิตร
แวะพักดื่มกาแฟแล้วเดินทางต่อไปร้านอาหารกลางวันครัวผักหวานบ้าน จังหวัดกาญจนบุรี ระยะทางประมาณ 110 กิโลเมตร คราวนี้ได้ลองความรู้สึกที่บอกว่าแปลกในตอนแรก และได้ผลชัดเจนอย่างที่รู้สึกจริงๆ คือ การตอบสนองของเครื่องยนต์และคะนเร่งแตกต่างไปจากของเดิม การคิ๊กดาวน์เพื่อเรียกำลัง ของเดิมจะช้าและต้องรอนาน การตอบสนองไม่ได้ดั่งใจ แต่สำหรับครั้งนี้ การตอบสนองในทุกความต้องการไม่ว่าจะเป็นความเร็ว ต่ำ ปานกลาง หรือความเร็วสูง ให้การตอบสนองได้ทันใจ คันเร่งสั่งได้ ทำให้มีความสนุกในการขับขี่มากกว่าเดิม ถือว่าเป็นการปรับปรุงที่โดนใจตัวผู้เขียนมาเป็นพิเศษ
ในช่วงความเร็วต่างๆ พบว่าใช้รอบเครื่องยนต์ค่อนข้างต่ำ ที่ความเร็ว 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใช้รอบ 2,200 รอบต่อนาที ในเกียร์ 6 ถ้าความเร็วประมาณ 100-110 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใช้รอบเครื่องยนต์เพียง 1,500-1,600 รอบต่อนาที เสียงเครื่องยนต์ค่อนข้างเงียบ การเปลี่ยนเกียร์ขึ้นและลงทั้งด้วยการคิ๊กดาวน์และใช้ Manual Mode ก็เปลี่ยนได้รวดเร็วทันใจและยังคงความนุ่มนวล ระบบกันสะเทือนหนักแน่นและดูดซับแรงสะเทือนได้ดี พวงมาลัยเพาเวอร์ไฟฟ้าเบาแรงที่ความเร็วต่ำ ความเร็วสูงหนืดขึ้นเล็กน้อย แต่มีหวิวๆบ้างบางจังหวะ ส่วนเรื่องเบรกจับต้องปรับตัวทำความคุ้นเคยหน่อย เพราะช่วงแรกอาจจะรู้สึกว่าต้องเหยียบเบรกลึก แต่ไม่นานก็ปรับตัวได้
หลังจากอิ่มเรียบร้อยก็เดินทางต่อไปลุยเส้นทางออฟโรดแบบขำๆ สภาพเส้นทางก็ไม่โหดมาก รุ่น 4×2 ก็ขับผ่านไปได้สบายๆ ช่วงขับทางออฟโรด ได้ลองใช้ Manual Mode ของเกียร์อีกครั้ง ช่วยหน่วงความเร็วลดภาระของระบบเบรก และบางช่วงที่เป็นทางลาดชันยาวๆ ก็ได้ระบบ Hill Descent Control มาช่วยอีกแรง ระบบจะช่วยเบรก เพื่อช่วยผู้ขับขี่อีกทางหนึ่ง สำหรับระบบความปลอดภัยที่ได้ลองใช้คือ ระบบเตือนจุดบอดด้านข้าง Side Blind Zone Alert มีไฟสัญญาณเตือนที่กระจกมองข้างเมื่อมีรถอยู่ด้านข้างเยื้องไปด้านหลัง ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลน Lane Departure Warning ส่งสัญญาณเสียงเตือนเมื่อออกนอกเลนโดยไม่เปิดไฟเลี้ยว และระบบเตือนการชนด้านหน้า Forward Collision Alert เมื่อเข้าใกล้รถคันหน้ามากเกินไปและใช้ความเร็วมากกว่ารถคันหน้า เมื่อผู้ขับไม่เหยียบเบรก ระบบจะประเมินว่าอาจเกิดการชน จะเตือนด้วยสัญญาณเสียงและไฟสีแดงสะท้อนขึ้นบนกระจกหน้าฝั่งผู้ขับ
เคล็ดลับการขับออฟโรดจากเชฟโรเลตสำหรับการลากจูงเทรลเลอร์
– ก่อนที่จะซื้อรถยนต์หรือใช้รถยนต์เพื่อการลากจูง ควรศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับการใช้รถเพื่อการลากจูงในคู่มือสำหรับรถยนต์ของคุณ
– ทำความเข้าใจเกี่ยวกับกฎหมายการลากจูงในประเทศนั้นๆ น้ำหนักที่รถยนต์ของคุณสามารถลากจูงได้ รวมถึงน้ำหนักของเทรลเลอร์และสัมภาระ
– ติดตั้งตะขอลากและชุดลากหัวบอล (Ball Mount) ที่เหมาะสมกับการใช้งานตามที่ต้องการโดยผู้เชี่ยวชาญ
– ติดตั้งโซ่เซฟตี้ระหว่างรถยนต์และเทรลเลอร์เสมอ เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวยึดตกลงมา เมื่อเทรลเลอร์หลุดออกจากตะขอลาก
– ก่อนบรรทุกสัมภาระในเทรลเลอร์ ควรคำนวณน้ำหนักรวมทั้งหมดของรถยนต์และเทรลเลอร์ ซึ่งรวมถึงน้ำมัน ผู้โดยสาร สัมภาระ อุปกรณ์ และอุปกรณ์ตกแต่ง โดยน้ำหนักรวมทั้งหมดไม่ควรเกินอัตราการรับน้ำหนักสุทธิของรถ (Gross combined weight rating – GCWR) ซึ่งสามารถดูได้จากคู่มือสำหรับรถยนต์ของคุณ
เมื่อบรรทุกสัมภาระในเทรลเลอร์ ควรให้น้ำหนัก 60 เปอร์เซ็นต์ของสัมภาระอยู่ค่อนไปทางด้านหน้าของเทรลเลอร์ และกระจายน้ำหนักด้านข้างให้เท่าๆ กัน การบรรทุกสัมภาระโดยให้น้ำหนักค่อนไปด้านหน้าหรือหลังมากเกินไป อาจทำให้เทรลเลอร์แกว่งได้ และเมื่อต้องถอยเทรลเลอร์ ให้วางมือข้างหนึ่งอยู่ที่ตำแหน่ง 6 นาฬิกาของพวงมาลัย เมื่อต้องการเคลื่อนย้ายเทรลเลอร์ไปทางซ้ายให้หมุนพวงมาลัยไปด้านซ้าย และหากต้องการให้เทรลเลอร์ไปด้านขวาให้หมุนพวงมาลัยของคุณไปด้านขวา ถอยเทรลเลอร์ทีละนิดอย่างช้าๆ เพื่อรักษาการควบคุม ที่สำคัญควรเผื่อระยะในการเบรกเมื่อรถของคุณลากจูงเทรลเลอร์อยู่ ระยะห่างที่ปลอดภัยคือ การเว้นช่องว่างขนาดเท่ารถยนต์ที่ลากจูงเทรลเลอร์ 1 คัน ระหว่างรถของคุณและรถคันข้างหน้า สำหรับความเร็วทุกๆ 10 ไมล์ต่อชั่วโมง (16 กิโลเมตรต่อชั่วโมง)
อย่าพยายามหลีกเลี่ยงการแกว่งของเทรลเลอร์ เพราะจะยิ่งทำให้สถานการณ์แย่ลงกว่าเดิม เมื่อเทรลเลอร์แกว่ง ให้พยายามบังคับพวงมาลัยให้นิ่งที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ พร้อมปล่อยคันเร่ง (โดยไม่แตะเบรก) และดึงเบรกมือไฟฟ้าของเทรลเลอร์ (ถ้ามี) สำหรับการขับรถยนต์ขึ้นเขาหรือทางลาดชัน การใช้เกียร์ต่ำจะทำให้รถยนต์มีกำลังหรือแรงบิดมากขึ้น ควรขับรถยนต์ขึ้นเขาหรือทางลาดชันด้วยความเร็วที่ไม่มากไปกว่าความเร็วที่คุณใช้เพื่อขับลงเขา และเปลี่ยนมาใช้เกียร์ต่ำเพื่อใช้แรงจากเครื่องยนต์ช่วยในการเบรก ขณะที่ขับลงจากเขาหรือทางลาดชัน
จากนั้นจึงวนกลับที่พักรวมระยะช่วงสุดท้ายอีกประมาณ 100 กิโลเมตร ช่วงนี้ใช้ความเร็วประมาณ 80-90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เพราะมีรถในขบวนที่มีบ้านเคลื่อนที่พ่วงท้าย จึงใช้ความเร็วได้ไม่สูงนัก เข้าที่พักเรียบร้อยก็ทานอาหารเย็นพร้อมเสียงเพลงก่อนเข้านอนหลับสบาย ตื่นเช้าก็เดินทางกลับ
ขอบคุณ: บริษัท เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด อำนวยความสะดวกตลอดการเดินทาง