
• สวนที่อยู่ด้านหลังหอไอเฟล
ภาค 2 นี้ก็ยังคงอ้อมไปอ้อมมาอยู่แถวหอไอเฟลเนี่ยแหละครับ : ที่บริเวณรอบๆหอไอเฟลนี้ก็จะมีอีกธุรกิจนึงที่ค่อนข้างจะบูมมาก นั่นก็คือการขายพวงกุญแจหอไอเฟลนี่เอง ซึ่งคนที่ขายส่วนใหญ่ก็จะเป็นคนผิวดำที่อาศัยอยู่ที่นี่ ส่วนวิธีการขายก็ ขายแรงมากๆ ซุปเปอร์ฮาร์ดเซล

• หอไอเฟลด้านที่เต็มเฟรม
ตอนแรกเขาจะเดินมาถามก่อนเลยว่ามาจากไหน ซึ่งไม่ได้ถามว่า แวร์อาร์ยูคัมฟอร์ม Where are you come from? นะ แต่ถามเป็นชื่อประเทศเลย สิ่งที่เราจะได้ยินก็จะประมาณนี้
พ่อค้า : เวี่ยดหน๊ามๆ? ไชน่าๆ? ไทวันๆ? ไทย่แล๊นๆ?
ใช่แล้ว มันไล่เป็นชื่อประเทศอย่างนี้เลย 5555 และพอพวกนี้รู้ว่าเรามาจากประเทศไทย การขายที่แท้จริงก็เริ่มต้นระเบิดฟอร์มขึ้น
พ่อค้า : 3 อั๋น 1 ยูโร๋ๆ
Me : เดินหนี
พ่อค้า : 4 อั๋น 1 ยูโร๋ๆ
Me : เดินหนีขึ้นรถบัส
พ่อค้า : 5 อั๋น 1 ยูโร๋ๆ เอาหม๋ายๆ
จนคนขับรถบัสต้องมาไล่ลง เกิดมาไม่เคยเจอใครขายแรงขนาดนี้มาก่อน..น่าจะบอกเขาตั้งแต่แรกว่าเรามาจากกรุงลงกา ประเทศสารขัณฑ์

• พื้นที่ในระนาบเดียวกับหอไอเฟล
หลังจากเสร็จสิ้นกับภารกิจหลบหนีพ่อค้าผิวสี และหอไอเฟลน้อยๆของเขา ก็ได้เวลาที่เราล่องเรือชมแม่น้ำแซน Seine ละนะ ซึ่งเรือที่เราจะนั่งนี่ก็ไม่ธรรมดา เป็นเรือของ บาโต มูช Bateaux-Mouches ซึ่งเป็นบริษัททัวร์ที่ดำเนินกิจการทางเรือที่เก่าแก่ที่สุดในกรุงปารีสเลยทีเดียว

• คุณนายแม่เตรียมตัวลงเรือ
บาโต มูช มีให้บริการเรือท่องเที่ยวหลายรูปแบบ แต่ที่เป็นที่นิยมที่สุดคือ แบบเรือเที่ยวชมที่วิ่งเป็นรอบ รอบละประมาณ 1 ชั่วโมง ระหว่างท่าเรือที่หอไอเฟล Eiffel Tower กับท่าเรือน็อทร์ดาม Notre Dame ซึ่งจะออกทุกๆ 30-40 นาที ตลอดทั้งวัน ส่วนช่วงที่ไปนั้นบรรยากาศก็อึมครึมมาก ฝนตกทั้งวัน

• ตั๋วพร้อม

• ป้ายของดิออร์ Dior เค้าหละ

• สะพานข้ามคลอง หน้าตาคล้ายกัน

• บรรยากาศครึ้มฝนตลอด

• อาสนวิหารน็อทร์-ดามแห่งปารีส
ในภาพนี้คือ อาสนวิหารน็อทร์-ดามแห่งปารีส Cathédrale Notre-Dame de Paris ซึ่งตัววิหารที่เห็นอยู่นี่ไม่ใช่ของเดิมนะ เพราะในช่วงปี พ.ศ.2336 (ค.ศ.1793) ระหว่างการปฏิวัติฝรั่งเศส โบสถ์ก็ได้รับความเสียหายอย่างหนัก ประติมากรรมและศิลปะทางศาสนาถูกทำลายไปมาก อาสนวิหารนี้ก็เช่นกัน
หลังจากนั้นจึงได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่ระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 19 จนมีสภาพเหมือนก่อนหน้าที่ถูกทำลาย
ผู้อ่านคงสงสัยว่ามาถึงทั้งทีทำไมถ่ายรูปได้แค่นี้? รูปถ่ายได้แค่นี้แหละครับ เพราะต้องถ่ายเสยขึ้นไปจากบนเรือ เขาไม่ได้จอดให้เราขึ้นไปถ่ายนะ ขับ (ผ่าน) ไปเฉยๆนี่แหละ 5555

• พิพิธภัณฑ์ออร์แซ
มาถึง (ผ่านอีกที) พิพิธภัณฑ์ออร์แซ Musée d'Orsay เป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะ พิพิธภัณฑ์การออกแบบสิ่งทอ และสถานที่ทางประวัติศาสตร์ ลักษณะมันจะดูคล้ายๆกับสถานีรถไฟหลายๆแห่งในยุโรป ซึ่งเอาจริงๆแล้วมันเคยเป็นสถานีรถไฟมาก่อนจริงๆแหละ

• พิพิธภัณฑ์ลูฟร์
มาถึง (ผ่านอีกแล้ว) พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ Musée du Louvre คืออาคารที่มีธงชาติฝรั่งเศสปักอยู่ด้านบนหลังคา เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่เป็นแลนด์มาร์คของปารีส ซึ่งแน่นอน เราก็ได้แค่นั่งเรือผ่าน 5555

• ไม่ได้จับ แต่ได้ดู ฮ่าฮ่า
จบการล่องเรือด้วยการมากลับลำที่หอไอเฟล ซึ่งนี่เป็นภาพสุดท้ายก่อนที่ฝนจะตกหนักจนอยู่บนดาดฟ้าเรือไม่ได้

• ในซอกในซอยก็มีร้านพิซซ่า
หลังเสร็จจากการล่องเรือแล้วเราก็ต้องรีบไปต่อกันเลย จากแผนเดิมคือการไปละลายทรัพย์ที่ แกลเลอรีส์ ลาฟาเย็ตต์ Galeries Lafayette ห้างหรูใจกลางกรุงปารีส แต่ดันมีข่าวด่วนขึ้นมาว่าในวันพรุ่งนี้ จะมีการชุมนุมทางการเมืองของพวก เสื้อกั๊กสีเหลือง ซึ่งสภาพเมือง ณ วันนี้ก็เห็นรถฮัมวี่ของทหารจอดอยู่เต็มเมืองไปหมดแล้ว

• ม้าลายที่นี่ขลังดี

• ก่อนเข้าพระราชวังแวร์ซาย

• ป๊าดดิโด๊ หรูจริงหรูจัง
เราต้องโยกแพลนที่จะไป พระราชวังแวร์ซาย ในวันพรุ่งนี้มาเป็นวันนี้ซะเลย เพราะไม่งั้นถ้ารอถึงพรุ่งนี้พระราชวังก็อาจจะปิดเพราะเสื้อกั๊กเหลืองนี้ด้วย งานจึงไปตกอยู่ที่ มิสเตอร์ ฟรานเชสโก้ พลขับสัญชาติโครแอต ของเราแล้วทีนี้ เรียกได้ว่าเหยียบมิดไมล์เพื่อให้ทันเวลาเข้าชมพระราชวังรอบสุดท้าย ซึ่งฟรานเชสโก้ก็ไม่ทำให้เราผิดหวังด้วย

• เดาว่าน่าจะเรียก แชนเดอเลียร์ Chandelier ห้อยลงมาจากเพดาน

• ถ่ายกับ มร.ฟรานเชสโก้