การจัดงาน “พันธุ์บุรีรัมย์” ที่เกิดขึ้นโดยความร่วมมือจากทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชน ในจังหวัดบุรีรัมย์ เมื่อวันที่ 19-21 เมษายน 2562 ที่ผ่านมา ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต มีทั้งบุคลากรทางการแพทย์ นักวิชาการ นักกฎหมายรวมทั้งผู้เชี่ยวชาญระดับประเทศ มาถ่ายทอดองค์ความรู้ในการนำกัญชาไปใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน
พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้ผู้ป่วยและประชาชนทั่วไปได้รับรู้ข้อมูลข่าวสาร และกระบวนการวิธีการสกัดกัญชาให้เป็นยามาใช้เพื่อรักษาโรค พร้อมเปิดพื้นที่สำหรับการขึ้นทะเบียนในการจดแจ้งครอบครองกัญชา สำหรับผู้ป่วยที่มีใบรับรองแพทย์และลงทะเบียนผู้ป่วยโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย
งานในครั้งนี้ยังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้กับบุรีรัมย์ได้อีกทางหนึ่ง มีนักท่องเที่ยวทั้งคนไทยและต่างชาติที่เข้ามา ภายในงานตลอดทั้ง 3 วัน กว่า 1.5 แสนคน ขณะที่มีจำนวนผู้มายื่นขอครอบครองกัญชา ยอดทะลุถึงหมื่นราย มีผู้ผ่านเกณฑ์การยื่นขอจดครอบครองกัญชา จำนวน 4,397 ราย
คุณเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรบุรีรัมย์ยูไนเต็ด เจ้าของสถานที่ในการจัดงาน และยังเป็นหนึ่งในหัวหอกสำคัญที่ร่วมรณรงค์และต่อสู้ เพื่อให้กัญชาถูกกฎหมาย กล่าวว่า ตลอดงานพันธุ์บุรีรัมย์ 3 วัน มีผู้ป่วย ผู้สนใจศึกษา และผู้สนับสนุนแนวคิดการใช้กัญชาเพื่อการแพทย์ มาร่วมกิจกรรมพันธุ์บุรีรัมย์เป็นจำนวนมาก
อีกด้านหนึ่งของสังคม มีการตั้งคำถามมากมายเช่นว่า การจัดงานครั้งนี้ มีเจตนาซ่อนเร้นหรือไม่ ทั้งธุรกิจ มีใครจะได้ประโยชน์บ้าง หากประชาชนเข้าถึงกัญชาเพื่อการแพทย์ ได้ด้วยตนเองอย่างถูกกฎหมาย และการเมือง โดยเฉพาะประเด็น กัญชา ดีกว่า บัตรทอง 30 บาทรักษาทุกโรค
“ก่อนความเข้าใจไม่ถูกต้อง เนื่องจากคิดไปเอง หรือ การตีความผิด และการใช้ข้อความอันจำกัดในการสื่อสาร จะถูกขยายผลไปมากกว่านี้ ผมขอชี้แจงว่า แนวคิดสนับสนุนให้ประชาชนเข้าถึงการใช้กัญชาเพื่อการแพทย์ เพื่อรักษาอาการป่วยของตนเองได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย และไม่มีการผูกขาด มีเป้าหมายที่ประโยชน์ของประชาชน เป็นหลัก คือ 1. ลดภาระค่าใช้จ่ายของผู้ป่วย ครอบครัว และ โรงพยาบาลของรัฐบาล 2. ลดภาระงบประมาณของบัตรทอง 30 บาท 3. สร้างโอกาสทางเศรษฐกิจ สร้างรายได้ให้แก่เกษตรกร ที่จะร่วมโครงการปลูกกัญชา เพื่อเป็นวัตถุดิบผลิตยารักษาโรค ทั้งแพทย์แผนไทย และ แผนปัจจุบัน ตามเงื่อนไขกฎหมายกำหนด กัญชาเพื่อการแพทย์ ในทัศนะของผม จึงเป็นทั้งยาแก้อาการของโรคที่เป็น และ เป็นยาแก้จน ได้ด้วย”
“ขอความกรุณาอย่าแปรเจตนา หรือตีความหมาย จับประเด็นคำพูดผมไปขยายผลให้คลาดเคลื่อนไปจากนี้ ผมผ่านเรื่องหนักๆ กว่านี้มาเยอะ ไม่หวั่นไหว ไม่เสียกำลังใจง่ายๆ แต่เจ้าหน้าที่ทุกคน ที่เสียสละเวลาวันหยุดมาช่วยกันทำงาน ดูแลผู้ป่วยตั้งแต่เช้าจรดค่ำ ทั้ง 3 วันที่ผ่านมา แทบไม่ได้หยุดพัก บางท่านอาจจะหวั่นไหว และเสียกำลังใจได้ ผมขอทำความเข้าใจอีกครั้งว่า การจัดกิจกรรมพันธุ์บุรีรัมย์ ไม่ต้องการแข่งขันกับใคร เปรียบเทียบกับใคร เอาชนะใคร หรือ แสวงหาประโยชน์ใดๆ และไม่มีใครอยู่เบื้องหลัง นอกจากผู้ป่วย และ ความยากจนของคนไทย ที่เห็นโอกาสจากกัญชาเพื่อการแพทย์”