ลองของฉบับรวบรัดกับ NEW MG EXTENDER
หลังจากรายงานเรื่องการเปิดตัวอย่างเป็นทางการไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับ NEW MG EXTENDER อันที่จริงแล้ววันเปิดตัว มีกิจกรรมทดลองขับแบบพอเป็นน้ำจิ้มอยู่เหมือนกัน แต่เป็นการทดลองขับแบบรวบรัด รายละเอียดไม่ได้ลึกมากนัก วันนี้ก็เลยอยากเอามาเล่าให้ฟังกันครับ สำหรับการทดลองขับมีขึ้นในช่วงบ่าย แบ่งออกเป็น 2 ฐานหลักๆ ก็คือแบบทางเรียบและทางลุย
ตัวผู้เขียนอยู่ในกลุ่มที่ถูกจัดให้ไปลองในรูปแบบออฟโรดก่อน สำหรับรถคันที่เราได้ลองขับกันเป็น NEW MG EXTENDER DC 2.0 GRAND 4WD X 6AT เครื่องยนต์ก็เป็น Diesel 2.0 DOHC 16 Valve Turbo Intercooler ในส่วนของเทอร์โบ เลือกใช้งาน GARRETT ที่เป็นแบบแปรผัน ระบบจ่ายน้ำมัน Common Rail Direct Injection เลือกใช้งานของ BOSCH พร้อมด้วย ECU ก็เป็นของ BOSCH ด้วยเช่นกัน แรงม้าได้ออกมา 161 ตัว แรงบิด 375 นิวตันเมตร ถือว่าเพียงพอต่อการใช้งาน ระบบเกียร์ อัตโนมัติ 6 สปีด ที่สามารถปรับรูปแบบการขับขี่ได้ทั้ง ECO และ POWER เพื่อตอบสนองทุกการใช้งาน โดยในรุ่น Double Cab จะมีให้เลือกทั้งแบบขับเคลื่อน 2 ล้อ (2WD) และขับเคลื่อน 4 ล้อ (4WD) ซึ่งมีโหมดการขับขี่ให้เหมาะกับสภาพถนน 3 รูปแบบ คือ 2H, 4H และ 4L ซึ่งระบบเกียร์ 4x4 นี่ ได้เลือกใช้งานของ BORGWARNER ส่วนระบบช่วงล่างด้านหน้าเป็นอิสระปีกนกคู่ ด้านหลังเป็นแบบแหนบซ้อนแผ่น ระบบดิสก์เบรกหน้า และหลัง พร้อมช่องระบายความร้อนเฉพาะด้านหน้า ขนาดล้อ 18 นิ้ว ยาง 255 / 60 R18
จากที่เล่ามาสำหรับ NEW MG EXTENDER มีส่วนประกอบของเครื่องยนต์และระบบขับเคลื่อน รวมถึงระบบต่างๆ ในตัวรถตัวที่ต้องบอกว่า ทาง MG เลือกใช้ของดี และเป็นของที่ใช้กันในรถกระบะทั่วโลก เพราะงั้นก็น่าจะไว้วางใจได้ในเรื่องของสมรรถนะ และความทนทาน และตอบสนองการใช้งานได้อย่างครบถ้วน
สถานีแรกขึ้นรถมาก็เตรียมลุยเลย สำหรับสถานีแรกเป็นเนินสลับซ้าย-ขวา ก่อนเข้าไปก็ใส่ 4L รอเอาไว้ก่อนเลย เสร็จแล้วก็เดินหน้าลุย ... ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อของ BORGWARNER พร้อมระบบล็อคเฟืองท้าย ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ในส่วนของกำลังเครื่องยนต์ก็เพียงพอ สามารถพาตัวรถผ่านสถานีนี้ไปได้แบบสบายๆ
ต่อด้วยทางขรุขระที่ทำให้เรารู้สึกถึงประสิทธิภาพของช่วงล่าง เพราะการสั่นสะเทือนจากสภาพเส้นทางนั้นส่งมาสู่ห้องโดยสารไม่มากนัก เป็นไปตามการขับขี่ในรูปแบบออฟโรด ที่รู้สึกได้อีกอย่างคือ การให้ตัวของช่วงล่างทั้งหน้าและหลังที่ค่อนข้างยืดหยุ่น น่าจะมาจากการเซ็ทช่วงล่างให้ตอบสนองการใช้งานในรูปแบบออฟโรดที่ทำได้ไม่เลวเลยทีเดียว
สถานีต่อไปเป็นเนินสูง ช่วงขับขึ้นเราได้ลองระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HAS (Hill Start Assist System) ซึ่งก็ทำงานได้อย่างมั่นใจ ให้การออกตัวในมุมเอียงไม่มีอาการลุ้น การไต่ขึ้นเนินสูงกำลังของเครื่องยนต์ที่มีมาให้ใช้งานถือว่าเหลือเฝือ สามารถขึ้นไปได้อย่างสบายๆ แบบไม่ต้องเค้น พอช่วงลงเนินก็ได้ลองระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน HDC (Hill Descend Control System) ผู้เขียนลองแล้วรู้สึกมีอาการวูบ การทำงานตอบสนองได้ไม่ฉับไว แต่ก็ยังทำงานให้ขับรถลงเนินได้อย่างปลอดภัย
ลงเนินกันแล้วก็ลุยต่อด้วยบ่อน้ำที่เต็มไปด้วยโคลนจุดนี้เราเปลี่ยนมาใช้ตำแหน่ง 4H ซึ่ง NEW MG EXTENDER ก็สามารถลุยผ่านไปได้อย่างง่ายดายกว่าที่คิด ไม่ว่าจะเป็นกำลังของเครื่องยนต์ที่ผู้เขียนไม่ต้องเน้นคันเร่งกันมากนัก ระบบส่งกำลังที่เหมาะสมกับสภาพเส้นทาง ช่วงล่างที่ปรับเซ็ทมาได้อย่างลงตัวในสภาพเส้นทางที่ตอบสนองการลุยได้หลากหลาย ระบบบังคับควบคุมที่ขับง่าย ส่งผลให้สามารถผ่านอุปสรรคไปอย่างสบายๆ
เสร็จจากทางลุยก็มาต่อทางเรียบ สถานีแรกจะได้ทดลองอัตราเร่งและประสิทธิภาพระบบเบรกของ NEW MG EXTENDER ปรับเบาะ ปรับพวงมาลัยเรียบร้อย ก็ใส่เกียร์ กดคันเร่งเต็มเหนี่ยวในช่วงทางตรงแรก อัตราเร่งช่วงต้นถือว่าต่อเนื่องใช้ได้ มีเหี่ยวลงไปในช่วงรอบเครื่องยนต์เกือบ 3 พัน และเนือยๆ ไปจนสุดในแต่ละเกียร์ โดยรวมอาจไม่ดุดันแบบเครื่องยนต์ความจุมากๆ แต่ก็ถือว่าพอตัวและเพียงพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวันแล้ว ได้เทอร์โบแปรผันของ GARRETT มาช่วยก็เลยรู้สึกว่ามีกำลังต่อเนื่องดี การทำงานของระบบส่งกำลัง เกียร์อัตโนมัติลูกนี้ทำงานร่วมกับเครื่องยนต์ได้ลงตัว การเปลี่ยนเกียร์ต่อเนื่องดี
กดมาเต็มถึงจุดเบรกที่เราต้องหยุดรถให้จอดสนิท เพื่อดูประสิทธิภาพของเบรก ระบบเบรกที่เป็นแบบดิสก์ทั้ง หน้า-หลัง ถือว่าตอบสนองดีใช้ได้ การเบรกทำได้นุ่มนวลดี ระยะเบรกมองด้วยตาเปล่าถือว่าสั้นและมั่นใจ ส่วนของตัวรถก็ไม่มีอาการเป๋หรือแถออกด้านข้างแต่อย่างใด
เสร็จแล้วกดคันเร่งต่อเข้าไปที่สถานีสลาลอมเพื่อดูการทรงตัวและการบังคับควบคุมของตัวรถ ความแม่นยำของพวงมาลัยไม่คม แต่ก็ถือว่ายังสามารถตอบสนองได้ดี น้ำหนักพวงมาลัยไม่เบาหรือหนักจนเกินไป การควบคุมพวงมาลัยให้เลี้ยวสลับซ้าย-ขวา ในทางสลาลอมค่อนข้างพอใจ อาการของตัวรถไม่โคลงมาก จากนั้นกดคันเร่งต่อด้วยการเข้าโค้งที่ความเร็วมากกว่าปกติ ตัวรถสามารถขับเข้าโค้งได้อย่างมั่นคง ซึ่งดูๆ แล้ว NEW MG EXTENDER ออกแบบมาให้ขับง่ายและสร้างความมั่นใจให้กับผู้ขับได้เป็นอย่างดี สุดท้ายของช่วง "ทางเรียบ" ก็จบด้วยสถานีที่จำลองทางขรุขระเล็กๆ โดนใช้เชือกวางพาดขวางสนามเอาไว้ เพื่อดูการทำงานของช่วงล่างและการซับแรงสั่นสะเทือนของตัวรถ สถานีนี้ถือว่าผ่านไปได้อย่างมั่นคง
สรุป ... จากการได้ลองขับ NEW MG EXTENDER แบบรวบรัดในครั้งนี้ บนทางเรียบถือว่าเป็นรถที่ขับง่าย กำลังเครื่องยนต์กับระบบเบรกดีพอตัว ช่วงล่างปรับเซ็ทมาเหมาะกับเมืองไทย ส่วนบนทางลุยระบบขับเคลื่อนที่เลือกใช้ของดีมีประสิทธิภาพ ก็เลยตอบสนองการใช้งานในรูปแบบออฟโรดได้ดีและเพียงพอกับทุกการใช้งาน ระบบกันสะเทือนโดยส่วนตัวคิดว่าปรับเซ็ทมาให้เหมาะสมกับบ้านเราแล้ว กับราคาที่ค่อนข้างต่ำกว่าคู่แข่ง และบริการหลังการขายที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว ผู้เขียนมองว่าเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกในตลาดรถกระบะที่น่าสนใจเลยทีเดียว ...
สุดท้ายขอขอบคุณทาง บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เอื้อเฟื้อในการทดลองขับในครั้งนี้ ...