เปิดตัว Mercedes-Benz A-Class เจนเนอเรชัน 4 ที่สุดของความพรีเมี่ยม
เปิดผ้าคลุม เผยโฉมอย่างเป็นทางการในประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว กับ New Mercedes-Benz A200 AMG Dynamic ซึ่งรุ่นนี้ถือเป็นเจเนอเรชั่นที่ 4 ของซีรีส์ โดยมีการปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์ใหม่หมดจด
Mercedes-Benz A 200 AMG Dynamic เป็นหนึ่งในรุ่นรถที่เมอร์เซเดสใช้การออกแบบในรูปแบบใหม่ (new design body language) ภายใต้ปรัชญาการออกแบบ Sensual Purity ที่เมอร์เซเดสใช้เป็นแนวทางมาโดยตลอด ดีไซน์ภายนอกใหม่ เน้นความสปอร์ตมากขึ้นกว่ารุ่นเก่า โครงสร้างภายนอกมีลักษณะการตัดทอนเส้นสายที่ไม่จำเป็นออกไปในแบบ AMG และมีช่องว่างให้น้อยที่สุด ฝากระโปรงหน้าลาดต่ำ กระจังหน้าแบบ diamond radiator grille ตราสัญญลักษณ์เมอร์เซเดสวางอยู่บนเส้นเดี่ยวแนวนอน ชุดไฟหน้าแบบ LED High Performance เพรียวบาง มีกรอบเคลือบโครเมียมทำงานร่วมกับไฟวิ่งกลางวันแบบ LED ด้านข้างเด่นด้วยกระจกมองข้างที่อยู่ในระนาบเดียวกับขอบล่างของกระจกห้องโดยสาร และล้อขนาด 18 นิ้วแบบ 5 ก้านคู่
สำหรับ A200 AMG Dynamic มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 16 วาล์ว 1.3 ลิตร เทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 163 แรงม้าที่ 5,500 รอบต่อนาที แรงบิด 250 นิวตันเมตรที่ 1,620 – 4,000 รอบต่อนาที เกียร์อัตโนมัติ Dual Clutch 7 สปีด สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ที่ 230 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราเร่ง 0-100 ได้ในเวลาเพียง 8.1 วินาที เท่านั้น
ภายในห้องโดยสารได้รับการปรับโฉมใหม่ให้ดูทันสมัย จัดวางอุปกรณ์ในสไตล์สปอร์ตแบบ AMG จอกลางและจอมาตรวัดแบบ Digital คู่ขนาด 10.25 นิ้ว 2 จอ ปรับเปลี่ยนได้ 3 รูปแบบ ระบบไฟส่องสว่างในห้องโดยสารที่มีให้เลือกมากถึง 64 สี ห้องโดยสารห้องโดยสารตอนหลังเข้า-ออกได้ง่าย ห้องเก็บสัมภาระมีความจุ 420 ลิตร ช่องกระโปรงหลังกว้าง 950 มม. มีระยะเส้นทแยงมุมจากตัวล็อคถึงขอบล่างของกระจกหลัง 462 มม. สามารถใส่หรือนำสัมภาระที่มีขนาดใหญ่เข้า-ออกได้สะดวก เพื่อประโยชน์ใช้สอยที่มากที่สุด
ระบบช่วยเหลือการขับขี่ที่เพิ่มเติมเข้ามา มีดังนี้
- ระบบช่วยหยุดรถ (Active Brake Assist)
- ระบบช่วยจอดพร้อมกล้องหลัง (Parking package with reversing camera)
นอกจากนั้นยังมีเทคโนโลยีที่นับเป็นไฮไลท์ใหม่ ได้แก่บริการ Mercedes me connect สามารถเชื่อมต่อลูกค้าเข้ากับตัวแทนจำหน่าย ทำงานร่วมกับระบบมัลติมีเดียรุ่นใหม่ MBUX (Mercedes-Benz User Experience) โดยฟีเจอร์หลักๆ ที่ควบคุมได้ผ่านแอพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน มีอาทิ: Mercedes-Benz emergency call system ทำงานอัตโนมัติในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ เซ็นเซอร์จะส่งตำแหน่งของรถให้กับศูนย์ช่วยเหลือทันที, Vehicle Monitoring เช็คตำแหน่งล่าสุด หรือเส้นทางการขับได้ผ่านแอพ Mercedes me connect, Vehicle Set-up ตรวจสอบสภาพรถได้จากระยะไกล โดยเซ็นเซอร์ที่อยู่ในรถจะตรวจสอบสภาพของรถในขณะนั้น และส่งข้อมูลผ่านแอพให้ทั้งผู้ขับและศูนย์ซ่อมบำรุง, Maintenance Management ช่วยเตือนเมื่อถึงเวลานำรถเข้าตรวจสภาพ โดยจะตั้งวันและเวลาเข้ารับบริการในครั้งต่อไปให้อัตโนมัติ, Remote Engine Start สั่งให้ตัวรถเปิดแอร์เพื่อทำความเย็นล่วงหน้า หรือสั่งเปิด-ล็อคประตูรถจากระยะไกล เป็นต้น ปิดท้ายด้วย Online Booking สำหรับนัดหมายเพื่อเข้ารับบริการต่างๆ
เมอร์เซเดสระบุว่า ชุดระบบ MBUX รุ่นใหม่ สามารถเรียนรู้และจดจำความต้องการของผู้ขับได้จากความสามารถของ AI (ปัญญาประดิษฐ์) ยังผลให้ MBUX เป็นระบบมัลติมีเดียที่สามารถปรับแต่งหรือปรับเปลี่ยนตามลักษณะการใช้งานจริงของเจ้าของรถได้ ซึ่งความสามารถหลักๆ มีอาทิ: Navigation ระบบนำทางแบบใหม่ที่มาพร้อม GPS ที่แม่นยำขึ้น แผนที่แสดงผลแบบ 3D ทำงานร่วมกับเทคโนโลยี AR พร้อมรายงานสภาพถนนและสถานะของร้านค้าต่างๆ ได้แบบรีลไทม์, Personal profiles จดจำข้อมูลของผู้ขับแต่ละคน เช่น ลักษณะการปรับเบาะ สีไฟในห้องโดยสารที่ชอบ สถานที่ที่ไปเป็นประจำ ฯลฯ สามารถจดจำข้อมูลของผู้ขับได้ 22 โปรไฟล์ และ Linguatronic ระบบสั่งการด้วยเสียงที่รองรับได้ทั้งภาษาอังกฤษ ภาษาเยอรมัน และภาษาฝรั่งเศส แบบทุกสำเนียงทั่วโลก (natural speech recognition) สามารถรับรู้และเข้าใจเกือบทุกคำที่ปรากฏอยู่ในระบบอินโฟเทนเมนท์ของรถ ผู้ขับสามารถเรียกใช้งานได้ด้วยคำสั่ง “Hey, Mercedes”
เมอร์เซเดส ประเทศไทย พร้อมจำหน่ายแล้วที่ตัวแทนจำหน่าย 33 แห่งทั่วประเทศ หรือในงาน Mercedes Star Fest ที่จะเริ่มคาราวานจัดแสดงทั่วประเทศตั้งแต่วันนี้จนถึงสิ้นเดือนตุลาคม 2562 สนใจข้อมูลเพิ่มเติมเชิญได้ที่ www.mercedes-benz.co.th หรือ facebook.com/MercedesBenzThailand