TOYOTA IN TOKYO MOTORSHOW 2019 ตอนที่ 2
Learning The Future
ตอนที่แล้ว เราเล่าให้ท่านผู้อ่านฟังไปแล้วว่า งานโตเกียวมอเตอร์โชว์ในปีนี้ ทางโตโยต้าเข้าไปร่วม และมีอะไรน่าสนใจบ้าง สำหรับตอนที่ 2 หลังจากที่เดินทางมาถึงกรุงโตเกียวในช่วงเย็นของวันที่ 21 ตุลาคม พักผ่อนเตรียมตัวกันให้เต็มที่ เพื่อพร้อมรับกิจกรรมในอีก 3 วันข้างหน้า
อยากจะเกริ่นคร่าวๆ ก่อนว่า สำหรับโตเกียวมอเตอร์โชว์ในปี 2019 จัดขึ้นเป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่ 24 ตุลาคม – 4 พฤศจิกายน 2562 ภายใต้ธีม OPEN FUTURE ซึ่งต้องการสื่อให้เห็นว่างานในปีนี้เป็นยิ่งกว่ามหกรรมรถยนต์และจักรยานยนต์ ยานพาหนะเชิงพาณิชย์ และการจัดแสดงเกี่ยวกับอุตสาหกรรมยานยนต์ แต่ยังครอบคลุมถึงนวัตกรรมและพัฒนาการใหม่ๆ ในอุตสาหกรรมอื่นๆ ในส่วนของโตโยต้า ปีนี้จะมาแบบเต็มเหนี่ยว นอกจากจะเป็นผู้นำเรื่องนวัตกรรมยานยนต์ในงานแล้ว โตโยต้ายังได้เป็นผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการในกีฬาโอลิมปิค 2020 อีกด้วย เพราะฉะนั้น การนำนวตกรรม ที่จะนำมาสู่อนาคตจึงเป็นเรื่องสำคัญ และเป็นเรื่องที่ต้องเน้นหนักเป็นอย่างมาก
และเหมือนเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา ก่อนที่จะเข้าร่วมงานในวันจริง จะมีวันที่เรียกว่า Pre-Show Presentation ที่แนะนำเกี่ยวกับ รถยนต์ และ นวัตกรรม ต่างๆ ที่โตโยต้าจะนำเข้าไปแสดงที่งานในครั้งนี้ ซึ่งของดีในปีนี้ก็จะถูกเปิดเผยในวัน Presentation แหละครับ ... เช้าวันที่ 22 เราตื่นเช้า อุปกรณ์การทำงานถูกเตรียมไว้ตั้งแต่เมื่อคืน เสื้อ กางเกง เสื้อกันหนาว ถูกจัดวางพร้อมหยิบขึ้นมาใส่อย่างรวดเร็ว อาการเช้าถูกบรรจุลงท้อง เน้นแบบที่ให้พลังงาน เพราะเราต้องอยู่ที่ Hilton Odaiba ทั้งวันจนถึงงานเลี้ยงช่วงค่ำ การเดินทางก็เหมือนปีที่แล้ว มีรถบัสเฉพาะของประเทศไทยรอรับเราอยู่ พร้อมเจ้าหน้าที่ประสานงานดูแลเราเป็นอย่างดี จากโรงแรมเดินทางไป Hilton Odaiba ใช้เวลาไม่นานมากนัก ลงรถ เข้ารร. พร้อมลุย
ในช่วงแรกก็จะเป็น “Wellcome Session” ที่จะมาแนะนำในเรื่องของธีมงานในปีนี้ทั้งหัวข้อ “Strat Your Impossible” ที่นำเสนอเรื่องของความท้าทายขีดจำกัด จิตวิญญาณของ Start Your Impossible คือการเริ่มทำในสิ่งที่คิดว่าเป็นไปไม่ได้ ให้เกิดขึ้นจริง โดยโตโยต้าได้ผลิตหุ่นยนต์ และสร้างเครื่องมือที่ช่วยผู้พิการในการเคลื่อนไหว หรือ ช่วยให้คนปกติเคลื่อนไหวได้สะดวกขึ้น “Start Your Impossible” จึงเป็น Spirit ใหม่ที่โตโยต้าอยากจะสร้างแรงบันดาลใจให้ทุกคนได้ลุกออกมาทำในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เกิดขึ้น และที่สำคัญคือแนวคิด “Start Your Impossible” โตโยต้าเลือกที่จะเป็นผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการของการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกและพาราลิมปิก “Tokyo 2020 Olympics/Paralympics” นับเป็นการส่งต่อจิตวิญญาณ Start Your Impossible สู่บุคคลภายนอก โดยเชื่อว่าการแข่งขันกีฬาเป็นหนึ่งในการแสดงออกถึงการผลักดันด้านร่างกาย และจิตใจเพื่อไปสู่เป้าหมาย ...
หลังจากจบช่วงแรกก็เปลี่ยนห้องสัมมนาเพื่อไปต่อเนื่องในเรื่องของ แนวความคิดเพื่อมอบ “การขับเคลื่อนสำหรับทุกคน” หรือ “Mobility for All” ความต้องการที่จะสื่อสารออกไปของโตโยต้าที่ต้องการให้คนทั้งโลกได้รับรู้ว่าโตโยต้าต้องการที่จะนำเสนออนาคตที่มุ่งเน้นการให้ความสำคัญกับผู้คนเป็นอันดับแรก และต้องการสร้างการรับรู้ และ ความต้องการที่จะสร้าง “รถคันโปรด” ที่สามารถสร้างประสบการณ์และ “ความสนุกสนานในการขับขี่” ให้เกิดขึ้นได้จริง พร้อมกับนำเสนอหลากหลายนวัตกรรมการขับเคลื่อนที่ตอบสนองความต้องการในด้านต่างๆ ของลูกค้าได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์แบบ
และต่อด้วย Presentation เกี่ยวกับรถทั้งหมดที่นำมาโชว์ เริ่มต้นจาก LEXUS LF-30 ที่มาพร้อมขุมพลังแบบไฟฟ้าล้วนหรือ EV ดีไซน์ภายนอกที่เน้นความสปอร์ตโฉบเฉี่ยว ด้านระบบการชาร์จไฟฟ้ารถยนต์รุ่นนี้รองรับการชาร์จแบบไร้สายหรือ (wireless charger) ถือว่าอลังการงานสร้างมากเลยทีเดียว
ต่อมาเป็น Mirai Concept II ยานยนต์ไฟฟ้าเซลล์เชื้อเพลิง FCEVs ได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมดสะท้อนถึงก้าวสำคัญสำหรับ FCEVs ในอนาคตและศักยภาพของการก้าวไปสู่พลังงานไฮโดรเจนเต็มรูปแบบ ภายนอกเน้นการออกแบบที่หรูหราและให้ความเป็นสปอร์ตมากยิ่งขึ้น และยังเพิ่มความสะดวกสบายในห้องโดยสารที่เพิ่มขึ้น Mirai เจนเนอเรชั่นที่สอง มีกำหนดการเปิดตัวในปลายปี 2563 โดยเริ่มต้นที่ญี่ปุ่นอเมริกาเหนือและยุโรป
ต่อมาเป็น LQ Concept ยานยนต์ต้นแบบแห่งอนาคต ที่มีเทคโนโลยีล้ำสมัยสามารถสร้างความสัมพันธ์ด้านอารมณ์ระหว่างรถกับผู้ขับขี่ได้ด้วยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ “Yui” ที่สามารถตอบโต้กับผู้ขับขี่ ผ่านการสื่อสารด้วยเสียงในรูปแบบของการปฎิสัมพันธ์ ที่นั่งติดตั้งฟังก์ชันให้เพิ่มความพร้อมด้านความปลอดภัยหรือลดความเครียดให้กับผู้ขับขี่ ตลอดจน การออกแบบแสงภายในตัวรถ เครื่องปรับอากาศการใช้กลิ่นหอม
ตามมาติดๆกับ Ultra-compact BEVs (ยานยนต์ไฟฟ้าพลังงานแบตเตอรี่ อัลตรา คอมแพกต์) รุ่นใหม่ ที่ผลิตเพื่อวางจำหน่ายจริงในปี พ.ศ. 2563 ได้รับการพัฒนาให้เป็นรูปแบบสองที่นั่ง ตอบสนองความต้องการเดินทางในระยะสั้นเป็นประจำ จะเน้นไปในกลุ่มคน ผู้สูงอายุ หรือ คนที่เพิ่งได้ใบขับขี่ และ นักธุรกิจที่เดินทางไปพบลูกค้าภายในท้องที่ในระยะทางไม่ไกล
และนวตกรรมการขนส่งรูปแบบใหม่ Toyota e-Palette Concept ยานยนต์ขับเคลื่อนไฟฟ้ายุคใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติ (ไร้คนขับ) ซึ่ง Toyota เรียกว่า Mobility as a Service (Maas) พร้อมเรียกใช้ผ่านเครือข่ายไร้สายบนแพลตฟอร์มการขนส่งและบริการอัจฉริยะ โดย Toyota e-Palette Concept ถูกออกแบบให้ใช้งานได้อย่างอิสระ เช่น คาร์แชร์ริ่ง ร้านค้าปลีก ห้องทำงาน และสำหรับการขนส่งสินค้า
และนอกจากรถรุ่นใหม่ๆ ที่จะเปิดตัวในงานแล้วโตโยต้ายังได้มีการพูดถึงเรื่องของ "ยานพาหนะไฟฟ้า" พร้อมทั้งแผนการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า พร้อมทั้งตอบคำถามอย่างชัดเจนว่าจะมีการลงทุนเพิ่มขึ้นในการผลิตแบตเตอรี่สำหรับเครื่องยนต์พลังงานไฟฟ้า ซึ่งในอนาคตความต้องการแบตเตอรี่จะเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นก็ต้องมีการเพิ่มกำลังการผลิตด้วยโดยมีการร่วมทุนกับพาร์ทเนอร์หลายที่ไม่ว่าจะเป็น China’s Contemporary Amperex Technology (CATL) และ BYD ซึ่งเป็นผู้ผลิตแบตเตอรี่รายใหญ่ในประเทศจีน นอกจากนี้ โตโยต้ายังได้ประกาศอย่างชัดเจนและหนักแน่นว่าจะ “ก้าวข้ามไปสู่ยุครถไฟฟ้า” และเดินหน้าพัฒนาต่ออีกหลากหลายรุ่น แผนพัฒนาในกลุ่มรถไฟฟ้าทางโตโยต้า มีแนวคิดที่จะออกมาในหลายรูปแบบทั้ง HEV,PHEV,BEV,FCEV เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้บริโภค ซึ่งในแต่ละประเทศมีความต้องการที่จะใช้พลังงานอย่างหลากหลายรูปแบบ
จบการ Presentation เราแว๊บออกจาก Hilton Odaiba ไปลุยต่อในส่วนของ Vihicle Exhibition & Demo Area เพื่อสัมผัสของจริง และได้ลูบคลำพร้อมทดลองขับรถบางรุ่นที่จะนำไปโชว์ในงานแบบใกล้ชิดโคตรๆ เริ่มต้นจาก Toyota Sora รถบัสพลังงานไฮโดรเจนฟิวเซล รุ่นโปรดักชั่น แบบใช้งานได้จริง ที่วางเป้าหมายไว้ว่าจะส่งมอบเพื่อใช้งานในเขตใจกลางกรุงโตเกียวประมาณ 100 คัน มุ่งเน้นรองรับเจ้าหน้าที่และนักท่องเที่ยวในช่วงการแข่งขันโตเกียว โอลิมปิก เกมส์ ปี 2020 สามารถรองรับผู้โดยสารได้สูงสุด 79 คน แบ่งเป็นนั่ง 22 คน ยืน 56 คน และคนขับอีก 1 คน
Sora มาพร้อมกับฟิวเซลสแต็กที่ทำหน้าที่นำก๊าซไฮโดรเจนมาผลิตพลังงานไฟฟ้าจำนวน 2 ชุด ป้อนพลังงานไฟฟ้าเข้าสู่มอเตอร์ซิงโครนัส 113 กิโลวัตต์จำนวน 2 ตัว ขณะที่ชุดแบตเตอรี่ใช้แบบนิกเกิล-เมทัลไฮไดร์ด (NiMH) ระยะทางขับเคลื่อนจากการบรรจุถังไฮโดรเจนทั้งหมด 10 ถังหรือ 600 ลิตรนั้นเทียบเท่ากับรถบัสที่ใช้น้ำมันดีเซลแบบดั้งเดิม แต่มีข้อดีคือปราศจากมลพิษไอเสีย โดยสิ่งเดียวที่ออกจากท่อไอเสียของรถไฮโดรเจนฟิวเซลประเภทนี้คือน้ำเปล่า ที่สำคัญ Sora ยังทำหน้าที่เป็นตัวแปลงพลังงานไฟฟ้า ในกรณีทีเกิดเหตุฉุกเฉิน อาทิภัยธรรมชาติ สามารถป้อนพลังไฟฟ้าได้ 9 กิโลวัตต์ (สูงสุด 235 กิโลวัตต์ชั่วโมง) เป็นรถพาวเวอร์แบงค์ได้นานถึง 2 วัน ...
ต่อด้วยกรสาธิตการใช้งาน Toyota APM รถยนต์โดยสารขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า วัตถุประสงค์เพื่อรับ-สูงผู้โดยสาร อำนวยความสะดวกแก่ คนพิการ ผู้สูงอายุ เด็ก สตรีตั้งครรภ์ ในรอบบริเวณสนามเพื่อเข้าชมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ออกแบบให้เบาะนั่งคนขับอยู่ตรงกลาง วางระบบมอเตอร์ภายใต้ที่นั่งคนขับ เบาะที่นั่ง 2 แถวกลาง และหลังสามารถบรรจุผู้โดยสาร 5 ที่นั่ง นอกจากนี้ ทาง ขึ้น-ลง ออกแบบให้เป็นทางลาดแบบพับเก็บได้ไม่เกะกะ เพื่อให้สะดวกต่องานใช้รถเข็นได้อีกด้วย โดยประสิทธิภาพในการทำงานของ Toyota APM ขับเคลื่อนด้วยความเร็วต่ำ 19 กิโลเมตรต่อชั่วโมง สามารถวิ่งได้ระยะทางไม่เกิน 100 กิโลเมตร
สเตชั่นต่อไปมีผู้โชคดีได้ไปนั่งรถดริฟ Toyota SUPRA แบบใกล้ชิดกับนักแข่งดริฟ ขับให้นั่งกันแบบสาสม ถึงขนาดต้องร้องขอชีวิตว่าพอแล้วววว ตามมาด้วยการทดลองขับ Toyota i-Road ที่เป็นรถสามล้อพลังงานไฟฟ้า แบบ 2 ที่นั่ง โดยมี 2 ล้ออยู่ข้างหน้าเป็นล้อหลักช่วยทรงตัว และ 1 ล้ออยู่ข้างหลัง เพื่อใช้บังคับเลี้ยว มีวงเลี้ยวแคบสุดที่ 3 เมตร เมื่อเทียบกับช่องจอดรถปกติ 1 คัน จะสามารถจอด i-Road ได้ถึง 4 คัน ขับเคลื่อนด้วยพลังงานจากแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน ที่ส่งกำลังผ่านมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 2 กิโลวัตต์ ชาร์จไฟฟ้าเต็ม 1 ครั้ง สามารถขับได้ระยะทางราวๆ 40-50 กิโลเมตร ใช้เวลาในการชาร์จไฟฟ้าเต็มประมาณ 3 ชั่วโมงเมื่อชาร์จจากไฟบ้าน ขับตอนแรกอาจจะเหวอๆนะครับ เพราะรถคันเล็ก แถมลักษณะการเลี้ยวมันรู้สึกแปลกๆ แต่ก็ไม่ได้น่ากลัว ความรู้สึกคือแม่งคล่องตัวมาก ถ้าเอามาใช้งานจริง บอกเลยว่าสามารถช่วยลดการจราจรที่แออัดลงไปได้แน่นอน
หลังจากนั้นเราก็เดินทางมาจุดสุดท้ายของสเตชั่นการทดสอบ เพื่อมาลองเล่น ขอย้ำนะครับ ว่า “เล่น” กับ TOYOTA Concept-i WALK เป็นรถไฟฟ้า 3 ล้อ แบบยืน ให้ทุกคนสามารถใช้เดินทางในระยะทางสั้นๆ ได้อย่างง่ายดาย และยังมี Concept-i WALK 3 ล้อ แบบนั่ง ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับผู้สูงอายุ และอีกรุ่นที่นำรองรับผู้ที่เดินลำบาก หรือ ผู้พิการซึ่งเป็นแบบต่อพ่วงกับรถเข็นสำหรับคนพิการ เราได้ลองตัว 3 ล้อแบบยืน ใช้งานง่าย กดปุ่มเปิดพร้อมขับเคลื่อนจะมีสัญญาณบอก สวิทช์ขับเคลื่อนเดินหน้าจะเป็นแบบก้านผลักด้วยนิ้วโป้ง ลักษณะคล้ายการบังคับเจ็ทสกี รถขับไปแบบช้าๆ ใช้ความเร็วประมาณ 6 กิโลเมตร/ชั่วโมง การบังคับเลี้ยวไม่ยาก ทำความเข้าใจแปบเดียวก็สามารถขับไปอย่างสบาย ทรงตัวง่าย สนุกกันการเล่นได้แค่ 2 รอบ เจ้าหน้าที่บอกว่า “พอเหอะ” ให้คนอื่นเล่นบ้าง 555 แหม ... กำลังมันส์เลย
ปิดจ๊อบ สำหรับวันแรก วันแห่งการเรียนรู้ วันแห่งการนำเสนอความก้าวหน้าของนวตกรรมรถยนต์ในอนาคต และแนวคิดเพื่อแสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ของโตโยต้า ทั้งเรื่อง “Strat Your Impossible” และ “Mobility for All” ซึ่งถือว่าเป็นการแสดงตัวตนของโตโยต้าที่ชัดเจนและหนักแน่น เรารู้สึกได้ถึงความเชื่อที่จะพัฒนาไปต่ออย่างไม่มีที่สิ้นสุด ของโตโยต้า ...
ยังไม่จบแค่นี้นะครับ ... ติดตามต่อตอนหน้า กับการเดินชมงานโตเกียวมอเตอร์โชว์แบบเจาะลึกครบทุกคันของโตโยต้า วันเดียว 15.8 กิโลเมตร ด้วยการเดินล้วนๆ มันส์ขนาดไหน รอชมครับ ...