All New Nissan Almera คุ้มค่าทั้งราคาและออฟชั่น

เมื่อช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว ทางนิสสันได้จัดงานเปิดตัว นิสสัน อัลเมร่า 2020 มาเต็มโฉมใหม่แบบโมเดลเชนจ์ทั้งคัน และเป็นธรรมเนียมปฎิบัติที่ต้องมีการทดสอบแบบกลุ่ม ตามมาในเวลาไม่นานมากนัก ซึ่งครั้งนี้ก็เหมือนที่ผ่านมา แต่คราวนี้ลงใต้ใช้เส้นทางภูเก็ต-พังงา ระยะทางรวมไปกลับประมาณ 200 กิโลเมตร

ก่อนที่จะพูดถึงการทดสอบ ขอพูดถึงประเด็นประหลาดที่พูดกันถึงอยู่ตอนนี้ ซึ่งอาจจะเป็นประเด็นที่พูดกันไปแบบผิดๆ ซึ่งผู้เขียนคิดว่าว่าทางค่ายรถคงไม่ได้อยากจะสื่อสารออกมาให้ผู้บริโภคได้รับรู้ในรูปแบบนี้ รถรุ่นนี้ของทางนิสสันและของคู่แข่งอีกค่ายที่ใช้เครื่องยนต์แบบเดียวกัน คือเครื่องยนต์แบบ 3 สูบ 1.0 ลิตร เทอร์โบ ซึ่งพื้นฐานของทั้ง 2 ค่ายถูกออกแบบมาภายใต้คำว่า "อีโค่คาร์" คำนี้เป็นคำจำกัดความที่ชัดเจน และเข้าใจได้ง่ายว่าเป็นรถประเภทไหน การออกแบบและผลิตออกมาโดยมีจุดประสงค์อะไร และกลุ่มลูกค้าในตลาดรถยนต์ประเภทนี้ต้องการอะไร
ผู้เขียนคิดว่าทั้ง 2 ค่ายต้องการสร้างการรับรู้ของผลิตภัณฑ์ให้ผู้บริโภคเข้าใจว่า มันคือรถ "อีโค่คาร์" เน้นเรื่องของการออกแบบที่สวยงาม ความคล่องตัวในการขับขี่ เครื่องยนต์ขนาดเล็ก ตอบสนองได้ดีสำหรับการใช้งานในเมืองและเดินทางไม่ไกลมากนัก ที่สำคัญคือ ความประหยัด ปล่อยมลพิษน้อย และความคุ้มค่ากับราคาที่ต้องจ่ายไป ไม่ใช่การสร้างการรับรู้ในรูปแบบว่า รถใครแรงกว่ากัน ใครจะทำความเร็วปลายได้ถึง 200 อัตราเร่งของใครดีกว่ากัน ผู้เขียนคิดว่ามันเป็นการหลงประเด็น และเป็นการสร้างการรับรู้ที่ผิดไปจากจุดประสงค์ของค่ายรถที่ต้องการจะสื่อสารออกมาสำหรับรถทั้ง 2 รุ่นนี้ ... อยากให้ช่วยเข้าในกันให้ถูกต้องด้วยนะครับ ขอบคุณครับ ...



สำหรับ นิสสัน อัลเมร่า ใหม่ ออกแบบภายใต้แนวคิด Emotional Geometry ที่โดดเด่นด้วยกระจังหน้า V-Motion ไฟหน้าไฟท้ายทรงบูมเมอแรง และแนวเส้นหลังคาด้านหลังที่ถูกยกขึ้น หรือ Kick-up C-Pillars และหลังคาแบบลอยตัว Floating Roof ภายนอกทางค่ายต้องการที่จะออกแบบเส้นสายให้เฉียบคมดูสปอร์ตและทันสมัย ซึ่งถือว่าเป็นการออกแบบที่ถูกใจใครหลายๆคน โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าที่เป็นแฟนของนิสสัน
ส่วนห้องโดยสารก็ยังคงเน้นอารมณ์สปอร์ต พวงมาลัยสปอร์ต 3 ก้าน แบบตัว D ทรงสปอร์ตหลบหัวเข่า เพิ่มพื้นที่บริเวณผู้ขับขี่ให้กว้างขึ้นอีกนิด ชุดมาตรวัดแบบผสม มาตรวัดความเร็วจะเป็นแบบเข็ม ส่วนฝั่งวัดรอบจะเป็นแบบดิจิตอลที่เป็นหน้าจอ TFT ขนาด 7 นิ้ว แสดงผลข้อมูลการขับ และการปรับตั้งระบบต่างๆ ของรถด้วยสวิตช์มัลติฟังก์ชั่นบนพวงมาลัยฝั่งซ้าย การใช้งานสวิตช์ระบบต่างๆ ใกล้มือ และสามารถใช้งานได้ไม่ยากเย็นนัก

คอนโซลกลางมีหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว กดสั่งงานได้รวดเร็ว ตอบสนองทันใจ ให้ภาพที่คมชัด แถมยังรองรับ Apple CarPlay มีประโยชน์มากเมื่อใช้ควบคู่กับแอพพลิเคชั่น Google Map แสดงภาพขึ้นจอใหญ่ชัดสำหรับคนสายตายาวอย่างผู้เขียน และที่ชอบมากคือการออกแบบติดตั้งในตำแหน่งที่ไม่มีแสงสะท้อนมากนัก ซึ่งเห็นถึงการใส่ใจในการออกแบบ
ลงมาด้านล่างเป็นชุดสวิตช์ควบคุมระบบปรับอากาศ ช่องจ่ายไฟฟ้าและ USB คอนโซลเกียร์สีดำเงา คันเกียร์ทรงตรงในรูปแบบที่ใช้กับนิสสันหลายรุ่น ที่ชอบอีกอย่างคือ การย้ายปุ่ม Start/Stop มาไว้ตรงคอนโซลคันเกียร์ติดกับคนขับ ใช้งานได้สะดวกมากกว่าเดิม เบาะนั่งทรงเรียบๆ คนตัวสูงแบบผู้เขียนนั่งลงไปแล้วจะมีพื้นที่เหลือตรงบริเวณเหนือก้นกบ นั่งระยะทางยาวๆ รู้สึกเมื่อย ถามคนตัวเล็กๆ เค้าบอกว่าไม่เมื่อย เลยคิดว่าเราตัวใหญ่ไปรึเปล่า


เบาะหลังทรงปกติทั่วไป ควรมีที่เท้าแขนกลางเพิ่มมาจะดีมาก จากความกว้างของห้องโดยสารรุ่นใหม่ที่มากกว่าเดิม ส่งผลให้พื้นที่วางขาของผู้โดยสารด้านหลังมีมากมาย พื้นที่เหนือศีรษะเหลือพอสมควร คุณภาพวัสดุก็สมราคา ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ดี นั่งสบาย โล่ง โปร่ง แต่ ... ชุดไฟอ่านแผนที่ เห็นแล้วขัดใจมาก กรอบไฟเป็นสีขาวขุ่น ทำให้นึกย้อนไปถึงรถพ่อเมื่อ 30 ปีที่แล้ว
ส่วนระบบความปลอดภัย อัลเมร่า ใหม่ มีมาให้แบบคุ้มค่าเกินราคาที่ต้องจ่าย เช่น ระบบกล้องมองรอบทิศทาง ทำงานร่วมกับระบบเตือนวัตถุเคลื่อนไหวรอบคัน ระบบเตือนจุดอับสายตา, เตือนก่อนการชนด้านหน้า ทำงานร่วมกับระบบเบรกฉุกเฉิน และระบบตรวจจับวัตถุด้านหลังขณะถอยหลัง ระบบช่วยเหลือเหล่านี้ส่วนใหญ่มีแต่ในรถที่ราคาเดินหลักล้านทั้นนั้น
ประเด็นนี้เลยที่ทำให้ผู้เขียนอยากจะสื่อสารให้ผู้อ่านได้รับรู้ว่า ทางนิสสันตั้งใจออกแบบและสร้างการรับรู้แยกกลุ่มลูกค้าของนิสสันออกมาอย่างชัดเจน จากบุคลิกโดยรวมของอัลเมร่าที่แตกต่าง มาจากการพัฒนารถให้มีความสมดุลในทุกด้าน และเพิ่มเติมจุดเด่นในเรื่องอุปกรณ์ความปลอดภัยในกลุ่ม Nissan Intelligent Mobility ที่เป็นจุดขายของนิสสันที่ชัดเจน



มาว่ากันต่อที่เครื่องยนต์ของอัลเมร่า ใหม่ มีกำลังสูงสุด 100 แรงม้า ที่ 5,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 152 นิวตันเมตร หรือ 15.5 กก.-ม. ที่ 2,400-4,000 รอบต่อนาที ถังน้ำมันจุ 35 ลิตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ XTRONIC CVT การใช้งานในเมืองช่วงสั้นๆ โดยรวมทำได้ดี ขับง่าย อัตราเร่งต่อเนื่อง ออกตัวไม่อืด อาจจะมีหน่วงๆ บ้าง ในบางจังหวะ เวลาที่แตะเบรกแล้วจะกดคันเร่งไปต่อแบบเฉียบพลัน แต่ก้อไม่ได้รู้สึกมากมายนัก
ช่วงออกจากเมืองไปทางพังงาเพิ่มความเร็วอยู่ในช่วง 100-120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง บางช่วงมีการเร่งแซง ไปถึง 140-150 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เครื่องยนต์ยังมีกำลังพอเพียงสำหรับการเร่งแซง ถ้าเป็นการแซงในช่วง 600-100 หรือ 80-120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งเป็นช่วงของการใช้งานจริงๆ แรงม้าที่เป็นรองอยู่ประมาณ 20 แรงม้า กับ แรงบิดที่เป็นรองประมาณ 20 นิวตันเมตร เมื่อดูจากตารางสเปค แต่พอมาใช้งานจริงในช่วงความเร็วนี้ หรือการเร่งแซงแบบนี้ ถามจากสื่อมวลชนที่นั่งไปด้วยกันและได้ขับรถคู่แข่งมาแล้ว คำตอบคือ ไม่รู้สึกแตกต่างกันมากนัก ที่แตกต่างก้อคือความเร็วปลายในช่วงหลังจาก 140-150 กิโลเมตรต่อชั่วโมงไปแล้ว ความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนมองว่า ในความเร็วช่วงนั้นไม่ใช่ความเร็วในการใช้งานทั่วไป และไม่ใช่ประเด็นของการใช้งานรถในรูปแบบ "อีโค่คาร์"
เรื่องอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยด้วยการขับในแบบที่บอกไปแล้วได้อัตราเฉลี่ยอยู่ที่ 16.8 กิโลเมตรต่อลิตร ถ้าจะให้ได้ 23.3 กิโลเมตรต่อลิตร คงต้องขับให้เนียนและใช้ความเร็วที่คงที่และสม่ำเสมอกว่านี้




ในด้านช่วงล่าง อัลเมร่า ใหม่ ใช้ระบบกันสะเทือนหน้าอิสระ แม็กเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังทอร์ชั่นบีม พร้อมเหล็กกันโคลง ทุกรุ่นให้ยางขนาด 195/65 R15 ทั้งหมด ช่วงล่างปรับเซ็ทเพื่อการใช้งานทั่วไป นุ่มนวล แต่กระชับ ไม่ย้วย ตลอดการทดสอบ ทั้งการขับในเมือง และการใช้ความเร็วสูงได้ แถมมีโค้งให้เล่นในบางช่วง ก็ยังควบคุมรถได้สบาย ถือว่าช่วงล่างชุดนี้ ปรับเซ็ทมาได้ตรงความต้องการจริงๆ ระบบเบรกหน้าดิสก์หลังดรัม ทำงานได้ตามมาตรฐาน สร้างแรงเบรกได้ดี ควบคุมการเบรกได้ง่าย และยังมาพร้อมตัวช่วยมาตรฐานครบทั้ง ABS, EBD และ BA

คุณธีระพันธุ์ ละอองศรี รองประธานสายงานอะไหล่ และบริการหลังการขาย และ มร. ปีเตอร์ แกลลี รองประธาน สายงานสื่อสารองค์กร

คุณชยภัค ลายสุวรรณ เป็นผู้จัดการทั่วไปสายงานสื่อสารผลิตภัณฑ์
สรุป ... นิสสัน อัลเมร่า ใหม่ ถูกการออกแบบให้สื่อถึงความเป็นนิสสันยุคใหม่ ดูสปอร์ต ครอบคลุมทุกการใช้งาน ให้ออฟชั่นสุดเพดาน ภายในกว้างเพียงพอทั้งด้านหน้าและด้านหลัง และ เน้นความคุ้มค่ากับราคาที่ต้องจ่าย รุ่นท๊อปราคาเพียง 639,000 บาท และโปรโมชั่นฟรีประกันภัยชั้น 1 ดอกเบี้ย 1.79 เปอร์เซ็นต์ เมื่อดาวน์ 25 เปอร์เซ็นต์ และผ่อน 2 ปี รวมทั้งแพกเกจเช็คระยะ Save Safe Package สำหรับผู้ที่กำลังมองหารถยนต์ในกลุ่ม "อีโค่คาร์" นิสสันน่าจะเป็นทางเลือกของความคุ้มค่าที่น่าสนใจไม่น้อยทีเดียว
ขอบคุณ บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จํากัด อำนวยความสะดวกตลอดการเดินทาง