มาสด้า บีที-50งามสุดล้ำ คุณภาพพรีเมียม ขับง่ายคล่องตัว
คราวนี้กระผม รณชิต ณ 4x4special ได้รับชวนให้เข้าร่วมลองขับรถปิกอัพ All-New Mazda BT-50 ซึ่งเป็นเจนเนอเรชั่นใหม่ที่ได้รับการปรับโฉมใหม่ทั้งหมดเป็นครั้งแรกในรอบ 9 ปี โดยความร่วมมือกับอีซูซุ มอเตอร์ ประเทศญี่ปุ่น และเริ่มออกวางจำหน่ายในประเทศออสเตรเลียเป็นตลาดแรกเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ทางเจ้าภาพมาสด้า ได้นำรถมาให้ทดลองขับ6คัน ครบทุกสไตล์ตัวถัง และมี 2 เครื่องยนต์ให้ได้ทดสอบเป็นรถรุ่นแรกที่ทดลองผลิต หรือที่เราเรียกว่ารถ Prototype คือรถที่ยังไม่ใช่ Mass Production ที่เป็นรถที่ออกวางขายจริงยังต้องมีการปรับปรุงเพิ่มเติมอีกหลายส่วน สำหรับมาสด้าเริ่มเปิดตัว บีที-50 ครั้งแรกเมื่อปี 2549 ออกวางจำหน่ายทั้งในกลุ่มประเทศแถบโอเชียเนีย อาเซียน อเมริกากลางและอเมริกาใต้ ตะวันออกกลาง แอฟริกา และภูมิภาคอื่นๆ โดยเป็นรถปิกอัพเพียงรุ่นเดียวภายใต้แบรนด์มาสด้า และได้รับการยอมรับจากผู้ใช้งานเป็นอย่างมาก
แบบ 4 ประตู “Double Cab”
แบบตอนครึ่ง หรือ “Freestyle Cab”
กระจังหน้าโฉบเฉี่ยว สไตล์สปอร์ต
ล้อแม็กลายใหม่ เท่โดนใจ
วันนี้มาสด้าหันมาจับมือพัฒนาร่วมกับอีซูซุซึ่งเป็นแบรนด์ที่แข็งแกร่งที่สุดในตลาดรถปิกอัพประเทศไทยโดยอีซูซุ มอเตอร์ จะทำการผลิตปิกอัพ บีที-50 ให้กับมาสด้า ซึ่งได้รับการเปลี่ยนโฉมใหม่หมด
มีรูปแบบตัวถังให้เลือก 3 สไตล์คือ แบบ 2 ประตู หรือ “Standard Cab” แบบตอนครึ่ง หรือ “Freestyle Cab” และ แบบ 4 ประตู “Double Cab” มาพร้อมกับฟังก์ชั่นการใช้งานที่หลากหลาย สามารถขับลุยน้ำได้สูงถึงระดับ 800 มม. ให้ความรู้สึกนุ่มนวลและการขับขี่ที่เป็นธรรมชาติพวงมาลัยปรับได้ 4 ทิศทาง กุญแจรีโมทอัจฉริยะที่สามารถสตาร์ทเครื่องยนต์ด้วยรีโมทและมีฟังก์ชั่นเปิดไฟในห้องโดยสารอัตโนมัติ (Welcome Light) รวมถึงมือจับที่ช่วยให้ผู้โดยสารแถวหลังขึ้นและลงจากรถได้อย่างสะดวกยิ่งขึ้น สำหรับรุ่นดับเบิ้ลแค็ปมีการเพิ่มช่องแอร์ด้านหลัง และช่องUSBด้วย ชุดไฟหน้าแบบ LED เป็นทรงกระบอกส่วนไฟท้ายก็เป็นรูปทรงกระบอกเช่นเดียวกับไฟหน้า
ภายในหรูหรา
พวงมาลัยปรับได้ 4 ทิศทาง
คอนโซลกลางของเล่นเพียบ
เบาะนั่งหน้า/หลัง ออกแบบให้รองรับสรีระได้หลากหลาย
แผงหน้าปัดมีมาตรวัดแบบอนาล็อก 2 ชุด โดยมีหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่อยู่ตรงกลาง และมีแผงหน้าปัดด้านหลังสีดำสนิท ตัดกันอย่างชัดเจนระหว่างตัวอักษรสีขาวกับขอบสีเงินของมาตรวัดแบบอนาล็อก ให้ความรู้สึกลุ่มลึกและดุดัน มาสด้า BT-50 ใหม่ มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลความละเอียดสูง WXGA ขนาด 7 นิ้ว หรือ 9 นิ้ว ซึ่งตั้งอยู่ด้านบนของคอนโซลหน้า และยังมีจอแสดงผล Multi-information Displayขนาด 4.2 นิ้ว ที่สามารถควบคุมระบบนำทางด้วยการสัมผัสได้และยังมี Apple CarPlay® และฟังก์ชั่น Android Auto™ และในบางรุ่นยังรองรับฟังก์ชั่นการควบคุมการทำงานด้วยเสียง อีกด้วย
แผงหน้าปัดมีมาตรวัดแบบอนาล็อก 2 ชุด โดยมีหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่อยู่ตรงกลาง
คอนโซลกลาง มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกเพียบ
เครื่องยนต์ดีเซล 3.0 ลิตร ฉีดเชื้อเพลิงที่แรงดันสูงสุดถึง 250 เมกะปาสกาล (MPa)และ VGS เทอร์โบที่ควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ มีการเคลือบฉนวนที่ลูกสูบและเกียร์ Double-scissors ที่ช่วยลดเสียงรบกวน
เครื่องยนต์ดีเซล 3.0 ลิตร
เครื่องยนต์ดีเซล 1.9 ลิตร ระบบหล่อเย็น EGR ถูกติดตั้งมาในฝาสูบ พร้อม Water Jacket ช่องทางระบายความร้อนด้วยน้ำภายในเสื้อสูบและฝาสูบในท่อทางเดิน EGR ซึ่งเครื่องยนต์นี้ให้การประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง มีความเงียบและทนทาน
เครื่องยนต์ดีเซล 1.9 ลิตร
ระบบเกียร์มีให้เลือกทั้งเกียร์อัตโนมัติ6 สปีด และเกียร์ธรรมดา 6 สปีด ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อใช้เพลาขับที่ทำจากอลูมิเนียมจึงทำให้มีน้ำหนักเบาขึ้น นอกจากนี้รุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ หรือ4x4 ยังมาพร้อมกับระบบล็อกเฟืองท้ายแบบไฟฟ้าที่ช่วยเพิ่มพลังขับเคลื่อนสูงสุดได้อย่างรวดเร็วและเพิ่มประสิทธิภาพการขับขี่บนถนนที่ขรุขระ ดิสก์เบรกหน้า มาสด้า BT-50 มี 2ขนาด ได้แก่ ขนาด 17 และ 15 นิ้ว ในขณะที่ด้านหลังใช้ดรัมเบรกขนาด 15 นิ้ว สามารถหยุดล้อได้อย่างยอดเยี่ยม
เทคโนโลยีความปลอดภัยเชิงป้องกันใน มาสด้าBT-50 ใหม่มีระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน ABSM เป็นเซ็นเซอร์เพื่อตรวจจับเมื่อมีรถเคลื่อนที่เข้ามาทางด้านหลังเมื่อเปลี่ยนเลนโดยระบบจะส่งสัญญาณเตือนบนกระจกเพื่อช่วยเพิ่มความปลอดภัย ซึ่งเป็นเซ็นเซอร์ตัวเดียวกันที่ใช้กับระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง นอกจากนี้ยังมีระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน Hill Descent Control (HDC) ระบบควบคุมเครื่องยนต์และเบรกเพื่อควบคุมอัตราเร่งและรักษาความเร็วเมื่อขับรถลงทางลาดชัน, ระบบช่วยออกตัวรถขณะอยู่บนทางลาดชัน (HLA)เมื่อคนขับยกเท้าออกจากแป้นเบรกเพื่อเร่งเครื่องยนต์จากจุดออกตัวบนทางลาดชัด ระบบเบรกจะยังคงทำงานเพื่อป้องกันไม่ให้รถไหลไปข้างหลัง, ระบบช่วยจอดParking Aid เซ็นเซอร์ 4 ตัวบนกันชนด้านหน้าและด้านหลังจะช่วยกะระยะห่างระหว่างรถกับวัตถุ โดยจะส่งเสียงแจ้งเตือนผู้ขับขี่เมื่อรถเคลื่อนเข้าไปใกล้วัตถุจนถึงระยะห่างที่กำหนด ความปลอดภัยเชิงปกป้องมีระบบถุงลมนิรภัย ฝั่งคนขับและฝั่งผู้โดยสารมาพร้อมม่านถุงลมนิรภัยและถุงลมนิรภัยด้านข้าง ที่ช่วยลดอันตรายที่อาจจะเกิดกับศีรษะและหน้าอกของผู้ขับและผู้โดยสาร ซึ่งรถรุ่นนี้มาพร้อมกับถุงลมนิรภัยรวมสูงสุด 6 ตำแหน่ง
ประธานบริหาร มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย คุณชาญชัย ตระการอุดมสุข กล่าวว่า มาสด้าผลิต รุ่นมาสด้า ไฟเตอร์ ขึ้นครั้งแรกในปี 1998 จนถึงปี 2006 ณ โรงงานออโต้อัลลายแอนซ์จังหวัดระยอง มียอดขายสะสมรวมทั้งสิ้น 50,000 คัน ตามด้วยรุ่นที่ 2 มาสด้าบีที-50 ในปี 2006 ถึง 2012 มียอดขายสะสมรวมทั้งสิ้น 52,000 คันและมาสด้าบีที-50 โปร ตั้งแต่ปี 2012 จนถึงปัจจุบัน มียอดขายสะสมสูงถึง 120,000 คัน และรุ่นนี้มาสด้าคาดหวังว่าจะได้รับความนิยมจากลูกค้าชาวไทยเป็นอย่างดี...เดี๋ยวรู้กัน..... นะจ๊ะ