ไฮลักซ์ รีโว่ คาราวาน ทริป บทพิสูจน์จริงระดับโลก

ตอนที่ 23 : เตหะราน-ทาบริซ, อิหร่าน (Tehran-Tabriz, Iran)

วันที่ 29 มิถุนายน 2559 : วันนี้ก็เข้าสู่วันทื่ 27 ของการเดินทางยาวไกลจากมหานครบางกอก..นี่มันเกินครึ่งทางมาสักพักแล้ว อึดได้อีก ทั้งคนทั้งรถ ลุยกันระดับหลายร้อยกิโลเมตรติดๆกันทุกวัน..ตอนนี้ผู้ร่วมทางของคณะเราได้เปลี่ยนจากผลัดที่ 3 มาเป็นผลัดที่ 4 เรียบร้อย 

วันนี้ระยะทางอยู่ที่ 623 กิโลเมตร ปลายทางอยู่ที่เมืองทาบริซ Tabriz เมืองเอกของจังหวัดอาเซอร์ไบจานตะวันออก East Azerbaijan ซึ่งจะเป็นเมืองสุดท้าย ก่อนที่ไฮลักซ์ รีโว่ คาราวาน ทริป บทพิสูจน์จริงระดับโลก จะเคลื่อนย้ายหายไปจากทางตอนเหนือของประเทศอิหร่าน ส่วนจะไปไหนนั้นต้องตามมา แต่ก่อนอื่น ขอไปให้ถึงทาบริซในวันนี้ก่อนก็แล้วกัน 

ไฮลักซ์ รีโว่ คาราวาน ทริป บทพิสูจน์จริงระดับโลก ออกเดินทางตอน 8 โมงเช้า ซึ่งความวุ่นวายของการจราจรในกรุงเตหะรานยังเหมือนเดิม ก่อนจะออกจากเตหะรานที่เราไม่ได้มีโอกาสออกไปสัมผัส แต่อย่างน้อยๆ ก็ได้บอกลากับ หอคอย Azadi tower ซึ่งเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์คประจำกรุงเตหะราน มีลักษณะเป็นตัววาย (Y) คว่ำ สร้างเมื่อ พ.ศ.2514 (ค.ศ.1971) ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งความเรืองอำนาจในยุคของพระเจ้า ชาห์ โมฮัมหมัด เรซา ปาห์ลาวี เหตุผลในการสร้างคือเป็นวันครบรอบปี 2500 ของจักรวรรดิเปอร์เซีย ตั้งสูงเด่นเป็นสง่าอยู่ใจกลางเมือง บริเวณนั้นมีสวนสาธารณะ มีต้นไม้ มีดอกไม้ สีสนามหญ้า และน้ำพุ พอพลบค่ำเขาจะเปิดไฟหลายสีสัน ให้ส่องไปยังอนุสาวรีย์นี้และน้ำพุ

จากนั้นก็ออกนอกเขตเมือง เข้าสู่ความเป็นที่ราบกึ่งทะเลทรายอีกครั้ง บรรยากาศยังคงไม่ต่างไป แต่สิ่งหนึ่งที่เห็นมากขึ้นคือหลายๆช่วงของสองข้างทางจะมีการปลูกข้าวที่กำลังเป็นสีเหลืองทองสวยงามเป็นระยะๆ สลับกับหุบเขาที่กว้างไกลออกไป และยังมีหน่วยตำรวจตรวจความเร็ว ที่ระดมพลมาตั้งกล้องจับความเร็วกันตลอดทาง ดังนั้นคณะคาราวานรีโว่ จึงต้องระวังเรื่องความเร็วให้ดี โดยเปลี่ยนมาใช้ระบบ Cruise control เพื่อช่วยในเรื่องการควบคุมความเร็ว ช่วยได้เยอะเลยครับ และยังสร้างความสบายใจให้ผู้ขับขี่อีกด้วย 

เมื่อเริ่มเข้าใกล้เมืองทาบริซมากขึ้น ภูมิประเทศที่แปลกๆก็ได้มาเยือนอีกครั้ง ด้วยเนินเขารูปร่างแปลกตาแต่โดนใจ เราวิ่งมาตามป้ายบอกทางข้างถนน และระบบที่บอกทางบนมือถือ จนเข้ามาถึงเมืองทาบริซเป็นที่เรียบร้อยโรงเรียนอิหร่าน 

  

  

ทาบริซ ดินแดนแสนสวยและยังเป็นเมืองใหญ่ที่มีความเติบโตเป็นอันดับที่สี่ของอิหร่าน โดยตั้งอยู่บริเวณที่ราบของหุบเขาที่สวยงาม ซึ่งเป็นที่ลาดต่ำไปยังด้านตะวันออกของทะเลสาบโอรูมิเยห์ Urimia ในอดีตเคยถูกตั้งเป็นเมืองหลวงหลายครั้ง พร้อมด้วยประวัติศาสตร์ที่แสนยาวนานและยุ่งเหยิง มีอยู่ช่วงนึงที่เส้นทางสายไหมจากเมืองเรย์ (ทางใต้ของเตหะราน) จะตัดขึ้นเหนือผ่านทาบริซ ไปที่ประเทศตุรกีและทะเลดำ เข้าสู่ดินแดนยุโรป

เคยมีคนบอกว่าเมืองทาบริซ ได้ชื่อว่าเป็นสวนสวรรค์ เพราะความอุดมสมบูรณ์ของพื้นดิน เป็นเมืองสำหรับการพักร้อน เป็นศูนย์กลางทางการค้า อุตสาหกรรม และการคมนาคมที่ค่อนข้างสะดวกสบาย สาเหตุที่เรามาค้างกันที่เมืองนี้ ก็เพราะว่าอยู่ใกล้ชายแดนประเทศที่เรากำลังจะข้ามไป นั่นคือประเทศตุรกีนั่นเอง!! 

เมื่อชาวคณะไฮลักซ์ รีโว่ คาราวาน ทริป บทพิสูจน์จริงระดับโลก เข้าที่พักเรียบร้อยแล้ว ก็ออกมาเดินเล่นชมเมืองกันเล็กน้อย จากโรงแรมเดินไปทางขวาเรื่อยๆ ก็ได้พบว่าเมืองนี้บรรยากาศค่อนข้างสบายๆ ไม่แออัดวุ่นวายเหมือนกรุงเตหะราน ไปตามทางกันจนมาถึงมัสยิดบลูมอสก์ Blue Mosque หรือสุเหร่าสีน้ำเงินนั่นเอง ซึ่งเป็นมัสยิดเก่าแก่ที่ถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2008 (ค.ศ.1465) ว่ากันว่าเป็นมัสยิดที่สวยที่สุดในเมือง แต่ตอนที่เราไปกันมันปิดทำการไปเรียบร้อย เลยได้แต่มองทำตาละห้อยอยู่ข้างนอก ใกล้ๆกันยังมีจตุรัสกลางเมืองที่มี city hall เปิดไฟสวยงาม พร้อมกับน้ำพุที่เปิดน้ำร่ายรำอยู่เบื้องหน้า 

  

เมื่อสมควรแก่เวลาจึงเดินกลับที่พัก พรุ่งนี้จะมีภารกิจข้ามแดนเพื่อเข้าไปที่ตุรกี..โปรดติดตามตอนต่อไป นะจ๊ะที่รัก