ลุ่มน้ำโขงออฟโรด
“เติมเต็มสู่น้อง ท่องเที่ยว และทำบุญ”
วันที่ 10-12 พฤศจิกายน 2560 : “ลุ่มน้ำโขงออฟโรด” รวม 40 คน และพาหนะ 16 คัน ได้เดินทางไปร่วมกิจกรรมประจำปี เพื่อให้ความช่วยเหลือน้องๆนักเรียนที่ยังขาดแคลน และเยี่ยมเยือนเพื่อนพ้องในต่างถิ่น ทุกปีที่ผ่านมาเรามุ่งหน้าไปหาเพื่อนบ้านที่ สปป.ลาวเป็นหลัก แต่ปีนี้ได้เชิญชวนเพื่อนที่ฝั่งลาวมาร่วมกับเราบ้าง
เป้าหมายคราวนี้คือ “โรงเรียนนครชุมพิทยา รัชมังคลาภิเษก” อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก ตามคำชี้แนะของทีมงาน “พิษณุโลกจี๊ปคลับ” โดยมี “แป๊ะ พิดโลก” (พิสิทธิ์ บัวแก้ว) และ “รองแดง” (สุรชัย สร้อยทองพงศ์) ช่วยประสานงานกับพื้นที่ ถึงแม้ว่าโรงเรียนอยู่ห่างจากตัวอำเภอระยะทางเพียง 40 กิโลเมตร แต่เป็นโรงเรียนในหุบเขา เส้นทางเข้าสู่พื้นที่ค่อนข้างลำบาก ต้องเดินทางข้ามภูเขาที่สูงชันเข้าไป
ทางชมรมลุ่มน้ำโขงออฟโรด ซึ่งมีทีมงานเลขาฯ “เขตเล็ก” (สุริยนต์ อุปะทะ) และ “รองเอก” (สุรจิต กลัดเพชร) เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการดำเนินการ และประสานงาน ส่วนหนึ่งเริ่มออกเดินทางจากจังหวัดหนองคายตั้งแต่เวลา 05.30 น.เช้าวันที่ 10 พฤศจิกายน โดยมีพี่น้องทาง สปป.ลาวอีก 3 คนติดตามมาด้วย คือสหายเพ็ด, พาบ และเบียร์น้องฮัก ซึ่งแอบมานอนที่บ้านของ แหลม ลำโขง ตั้งแต่เมื่อคืน เพื่อสมทบกับคณะที่จังหวัดอุดรธานี มีเสี่ยเตียน เสี่ยนุนำทีม ทางหนองบัวลำภู มีเสี่ยสมคิด NL ยางยนต์นำทีม ผ่านอำเภอวังสะพุงจังหวัดเลย เข้าสู่บ้านสานตม ภูเรือ แวะนมัสการ “พระธาตุศรีสองรัก” อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย เพื่อเป็นสิริมงคล เสร็จแล้วเดินทางข้ามภูเขา เข้าเขตอำเภอนครไทย ถึงที่นัดหมายกับทีมเจ้าของพื้นที่ ซึ่งมีรองแดง และ อาจารย์แป๊ะ จากพิษณุโลกมารอรับคณะที่อำเภอนครไทย
เวลา 12.00 น.เดินทางต่อจากนครไทยไปยังตำบลนครชุม ด้วยระยะทางประมาณ 40 กิโลเมตร เข้าถึงโรงเรียนซึ่งคณะครู-นักเรียนได้มารอให้การต้อนรับที่หอประชุมอยู่แล้ว คราวนี้ด้วยทุนทรัพย์ของผู้มีจิตศรัทธา และสมาชิกชมรมร่วมกันบริจาคมา เราได้จัดชุดเครื่องขยายเสียงประกอบการบรรยายในห้องเรียน เครื่องเขียน แบบเรียน อุปกรณ์กีฬา และทุนการศึกษาส่วนหนึ่งมอบให้กับน้องนักเรียน และโรงเรียน เพื่อเติมเต็มให้แก่น้องๆ เป็นการสร้างโอกาสให้เขาเหล่านั้นก้าวไปสู่อนาคตที่ดี เป็นกำลังสำคัญในการที่จะช่วยกันพัฒนาประเทศชาติให้เจริญก้าวหน้าต่อไปในอนาคต
หลังจากที่ผู้อำนวยการโรงเรียนได้กล่าวต้อนรับ บรรยายสรุป และมีการแสดงของน้องๆนักเรียนให้ทีมงานได้รับฟังรับชมแล้ว ก็มีการส่งมอบสิ่งของ ถ่ายภาพกับน้องๆไว้เป็นที่ระลึก และเดินทางกลับมายังอำเภอนครไทย โดยแวะกราบไหว้อนุสาวรีย์พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ในเส้นทางที่ผ่าน แล้วมุ่งหน้าไปอำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก ผ่านเส้นทางที่สวยงามไปสู่ “บ้านไร่รับตะวัน” ของรองไมตรี (อ.ไมตรี สายโกสุม) ซึ่งตั้งอยู่บนเนินเชิงเขา มองเห็นถนนสาย 12 พิษณุโลก-หล่มสัก อยู่เบื้องล่าง แวดล้อมด้วยบรรยากาศ ทิวทัศน์ และธรรมชาติที่งดงามยิ่งนัก
เมื่อคารวะทำความรู้จักกับเจ้าของสถานที่ และกางเต๊นท์ที่พักเรียบร้อยแล้ว เราได้มารวมตัวกันที่สนามหน้าอาคารเรือนรับรอง ซึ่งมีทีมงานพิษณุโลกจี๊ปคลับส่วนหนึ่ง พร้อมอาหารเครื่องดื่ม และดนตรี รอต้อนรับอยู่แล้ว แหลม ลำโขง ได้พบกับเพื่อนเก่า-ใหม่ซึ่งเคยร่วมกิจกรรม และลุย JEEP กันมามากหน้าหลายตา นอกเหนือจากรองไมตรี (MAITREE-MP8) เจ้าของบ้านไร่รับตะวัน ที่ให้การต้อนรับด้วยความอบอุ่น เป็นกันเอง
การมาเยือนครั้งนี้อบอุ่นด้วยการต้อนรับจาก รองแดง และคุณญา (ศรีภรรยา), ใช้ คอน-หวัน, ลุงหนวด, น้องเปรม, ตี๋ อินเตอร์, จอร์จ จังโก้ (นราศักดิ์ แก้วกองทรัพย์), ท่านพันเอก (พิเศษ) จีระชาติ บุตรช้าง (ผู้การช้าง) และ สกุล ศรีพรหม (นิติกร คนอุตรดิตถ์) ซึ่งไปอบรมที่กรุงเทพฯ บินมาลงเครื่องที่พิษณุโลก ตามติดร่วมกิจกรรมอยู่จนแยกทางกันที่อำเภอวังทองในวันต่อมา ด้วยความรักและคิดถึง แหลม ลำโขง จริงๆ ขอบคุณนะจ๊ะ ทีมงานทุกคนได้ร่วมดื่ม-กิน สนทนาวิสาสะ ทำความรู้จัก และกระชับความสัมพันธ์กัน ด้วยอัธยาศัยไมตรีอันน่าประทับใจยิ่งนัก โดยเฉพาะรายการผ่าโลกบันเทิงที่ ตี๋ อินเตอร์ ได้นำมาสร้างสีสันในงาน ทำเอาสมาชิกเราหลายคนไม่อยากกลับบ้านเลยทีเดียว..ฮิ้ววว์ ต้องขอบคุณทีมงานพิษณุโลกจี๊ปคลับทุกๆท่านไว้ ณ โอกาสนี้ครับ
เช้าวันรุ่งขึ้น 11 พฤศจิกายน 2560 : รองไมตรี ยังได้จัดข้าวต้ม และกาแฟไว้ส่งทางอีกด้วย ส่วนท่านผู้การช้าง ซึ่งพบกับ แหลม ลำโขง ตัวเป็นๆครั้งแรก แต่เสมือนกับรู้จักกันมานานแรมปี ได้มารับและบีบบังคับพวกเราให้ไปแวะเยี่ยมชม “เซฟท์เฮ้าส์” ที่สวยงามท่ามกลางโขดหิน ต้นไม้ใหญ่ร่มรื่น ของท่านซึ่งอยู่เชิงเขาในเส้นทางผ่านขากลับเข้าสู่ตัวเมืองพิษณุโลก
หลังจากได้ล่ำลากันแล้ว รองแดง และคุณญา ภรรยาคู่ใจผู้คลั่งไคล้ใน JEEP พร้อมอาจารย์แป๊ะ ได้นำขบวนทีมงานเราเข้าสู่เมืองพิษณุโลก เพื่อกราบไหว้ศาลพระเจ้าตากสินมหาราช และพระพุทธชินราช เมื่อได้อำลาเจ้าถิ่นแล้วก็เดินทางต่อมุ่งหน้าไปสู่อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ เมื่อเวลา 12.30 น.
ที่อำเภอเขาค้อ เราได้ประสานทีมงานเจ้าของพื้นที่ ซึ่งเคยร่วมทุกข์ร่วมสุขกับ แหลม ลำโขง มาเป็นเวลานาน “กลุ่มเขาค้อออฟโรด” โดยมี “อู๊ด เขาค้อ” มารอรับและนำทางเที่ยวในพื้นที่ เช่น พระบรมธาตุเจดีย์ ฐานอิทธิ เป็นต้น พอสมควรแก่เวลาอู๊ดได้นำทางส่งเข้าที่พัก “อบอุ่นรัก รีสอร์ท” ซึ่งมี “คนดอย” (กิตติ งามใจ) น้องรักของแหลมรอรับอยู่ท่ามกลางสายฝนที่โปรยปรายเบาๆ
เขาค้อในคืนนี้จะมีมหกรรมคอนเสิร์ตคาราโอเค ท่ามกลางสายลมหนาวที่เข้ามาเยือน เราได้บ้านพัก 3 หลัง ลานกางเต๊นท์ ลานจัดกิจกรรม และที่ชื่นชมบรรยากาศอันสวยงามรอบๆที่พัก ส่วนอาหารเย็นมีหมูหัน 1 ตัว พร้อมเมนูการกินอื่นๆ ครบครัน ซึ่งทีมงานเขาค้อ ออฟโรด ที่รักชอบพอกันนอกเหนือจาก คนดอย, อู๊ด เขาค้อ แล้วยังมี แม้ง (เบญจมิน ฤทธิ์เนติกุล) และโม่งเม่ง มาร่วมวงด้วย นอกจากการการสนุกเฮฮา ตามประสาชาวออฟโรดแล้ว ยังมีรายการต้อนรับ และทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่ ตามแบบฉบับของลุ่มน้ำโขงออฟโรด นั่นคือการเล่นสงกรานต์แป้ง ที่ได้สร้างความสุข สนุกสนาน ประทับใจยิ่งนัก ได้เวลาอันสมควรต่างคนต่าง “หลอย” ยกเว้นทีมงานเลขาฯของลุ่มน้ำโขงออฟโรด ที่เกือบจะเป็นเอกลักษณ์ประจำทริปคือ “เกือบแจ้งจางปาง”
รุ่งเช้าวันที่ 12 พฤศจิกายน 2560 : กองพลาธิการของลุ่มน้ำโขง ได้จัดข้าวต้ม สะเต๊กออฟโรด และกาแฟไฟ ไว้บริการสมาชิก จากนั้นก็ทำความสะอาดสถานที่ เก็บสัมภาระ แล้วให้ คนดอย ได้นำเที่ยวทุ่งกังหันลม และล่ำลาส่งทางกันที่แยกทุ่งสมอ
ระหว่างขบวนดุ๋ยดุ่ยตามกันมา ก็ได้แวะนมัสการพระ และชมความงามวัดผาซ่อนแก้ว ไปแวะอีกทีที่อำเภอหล่มสัก เพื่อจัดการมื้อกลางวันด้วยขนมจีน ซึ่งเป็นอาหารที่ขึ้นชื่อของหล่มสัก จากนั้นก็ทัศนะศึกษาไปเรื่อย ในภูมิประเทศตามเส้นทางหล่มสัก-หล่มเก่า-แยกกกกะทอน-แยกน้ำหนาว-ภูหลวง-วังสะพุง-หนองบัวลำภู-อุดรธานี ถึงหนองคายและส่งพี่น้องลาวกลับ สปป.ลาวโดยสวัสดิภาพ เมื่อเวลา 20.00 น.
ขอบคุณพี่น้อง “พิษณุโลกจี๊ปคลับ” และ “กลุ่มเขาค้อ ออฟโรด” พวกเราจะเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ทำความดีเพื่อช่วยเหลือสังคมตลอดไป ขอให้ทุกท่านประสบแต่ความสุข ความเจริญ และก้าวหน้า สวัสดีครับๆ