ธารน้ำใจต้านภัยหนาว
สู่เมืองบลิคัน แขวงบลิคำไซ สปป.ลาว
“บอลิคำไซ” หรือ “บลิคำไซ” เป็นแขวงหนึ่งของ สปป.ลาว ตั้งอยู่ระหว่างแขวงเวียงจันทน์และแขวงคำม่วน ห่างจากนครหลวงเวียงจันทน์ ตามทางหลวงหมายเลข 13 ไปทางใต้ ประมาณ 150 กม.แขวงบลิคำไซ ได้ตั้งขึ้นโดยแยกเมืองปากซัน เมืองท่าพระบาท จากแขวงเวียงจันทน์ และแยกเมืองปากกระดิ่ง เมืองคำเกิด จากแขวงคำม่วน มารวมกันแล้วตั้งเป็นแขวงใหม่ บลิคำไซ มีพรมแดนด้านทิศตะวันออกจรดแขวงเชียงขวาง (ทุ่งไหหิน) และชายแดนเวียดนาม ทางด้านทิศใต้จรดแขวงคำม่วน ส่วนทางด้านทิศตะวันตะวันตก ติดชายแดนฝั่งแม่น้ำโขงเมืองปากซัน ซึ่งอยู่ตรงกันข้ามกับจังหวัดบึงกาฬของประเทศสารขัณฑ์
โครงการต้านภัยหนาวครั้งนี้ เกิดจากแนวคิดของกลุ่ม “ใจถึงใจ รับใช้สังคม” ซึ่งมี เสี่ยแอ-ท้าวนวลดำ โหง่นแก้ว เป็นประธาน ท่านอานุพาบ ภุมาลาสี เป็นรองฯ ท่านคำเพ็ด เฮืองผานี เป็นรองฯ และ เสี่ยจอร์ช-ท้าวราชวง ภูเฮืองหง เป็นพ่อครัวประจำทีม จึงร่วมปรึกษาหารือกับทีมงาน “สายบันเทิงเวียงจันทน์” (มอเตอร์ไซค์คนหนุ่ม) และผู้เกี่ยวข้อง กำหนดจัดกิจกรรมต้านภัยหนาว และเปิดตัวกลุ่มขึ้น ระหว่างวันที่ 22-24 มกราคม 2018 (พ.ศ.2561) ณ แขวงบลิคำไซ
งานนี้ได้รวบรวมทุนทรัพย์ สิ่งของ เครื่องใช้ เครื่องเขียนแบบเรียน อุปกรณ์กีฬา ฯลฯ เพื่อนำไปมอบให้ท้องถิ่นที่ขาดแคลน กำหนดเป้าหมายไว้ 2 เมือง (อำเภอ) คือเมืองบลิคัน และเมืองไซจำพอน ซึ่งงานแบบนี้ประธานแอ หรือเสี่ยแอ ฮู้ว่าลุงแหลม เป็นคนใจง่าย ขับรถข้ามขัวมิตรภาพมาเชิญถึงบ้าน ขอให้ร่วมเดินทางไปด้วย..มันสิเหลือติๆๆ แล้วต้องขอโทษเพื่อนร่วมรุ่น วค.อุดรฯ ปี 2509 ด้วยนะ ที่พลาดงานเลี้ยงรุ่น ปีนี้ไปร่วมงานที่จังหวัดเลยไม่ได้ ขอโทษจร้า มันยากคือเห็นนี่หล่ะหมู่ๆ
วันที่ 22 มกราคม 2018 : ด้วยกาแฟแก้วเดียว ลุงแหลมข้ามสะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 1 หนองคาย พร้อมทีมงานผู้รู้ใจ 2 คัน 5 ชีวิต คืออดีตนายอำเภอปุ๊ ที่ปรึกษาชมรมลุ่มน้ำโขงออฟโรด, เอก ออฟโรด (สุรจิต กลัดเพชร) รองเลขาชมรมฯ และ “แลนด์โรเวอร์ โกปื๊ดทุ่งใหญ่” จากเมืองกาญจนบุรี ที่มานอนรอที่บ้านลุงแหลมตั้งแต่คืนวันที่ 21 และ “เสี่ยกบ”จากพัทยา พร้อมด้วยสิ่งของจากผู้มีจิตศรัทธาของพี่น้องฝั่งไทย บรรทุกจนล้นรถ ออกด่าน ตม.ฝั่งลาว เลี้ยวซ้ายสมทบกับทีมงานฝั่งลาวที่ถนน 450 ปี (สร้างเฉลิมฉลอง 450 ปีเวียงจันทน์) เมื่อเวลา 08.30 น.
ถึงบ้านไร่พระบาทโพนสัน กลัวท้องกิ่ว หิวๆ เลยแวะข้างทางด้วยปิ้งกบ ห่อหมกปลา หมกหน่อไม้ แซ่บคักๆ แล้วเดินทางต่อตามถนนเส้น 13 ใต้ แยกซ้ายเมืองปากซัน ตามถนนที่จะไปสู่แขวงโพนสะหวัน เชียงขวาง (ทุ่งไหหิน) และซำเหนือ ถึงบ้านรองเจ้าเมืองบลิคัน “ท่านสงวน สว่าง” ผู้มีความเป็นกันเอง มักม่วนชื่นตลอด พร้อมด้วยมาดามคนงาม ซึ่งเตรียมอาหารกลางวันไว้รอรับคณะอยู่ที่บ้าน หลังจากอิ่มหนำกันแล้ว คณะได้มอบสิ่งของส่วนหนึ่ง ที่ตั้งใจจะไปมอบให้พี่น้องทางเมืองไซจำพอน แต่ด้วยข้อจำกัดด้านระยะทางและเวลา คาดว่าพวกเราคงจะเดินทางไปไม่ถึงแน่ๆ จึงได้มอบไว้ให้รองเจ้าเมือง เพื่อไปบริหารจัดการต่อ
เราออกเดินทางต่อโดยมีท่านสงวน กับมาดามนำทาง และเดินทางร่วมไปกับคณะด้วย ระยะทางจากเมืองปากซันถึงบลิคัน ประมาณ 35 กม.ทางลาดยางตลอด ถึงแยกขวามือจะไปยัง “บ้านปากโพย” ซึ่งเป็นหมู่บ้าน และโรงเรียนที่เราจะไปมอบสิ่งของให้จุดแรก ปรากฏว่า “ทางลาดยางหมด” หมดโปรโมชั่นครับ เหลือแต่ขี้หินแห่ และขี้ฝุ่น ฮ่าๆ เราใช้เส้นทางขรุขระ และฝุ่นมาประมาณ 45 กม.ก็ถึงหมู่บ้าน ซึ่งมีนักเรียน ครู เจ้าหน้าที่ และชาวบ้านรอต้อนรับอยู่
โดยเป้าหมายวันนี้ทีมงานจะต้องเดินทางต่อไปยังหมู่บ้านหินโหง่น ซึ่งห่างออกไปอีกประมาณ 30 กม.จึงเร่งรีบปฏิบัติภารกิจ ใครรักเด็ก แจกเด็กๆ ใครชอบคนสวย มอบคนสวยๆ ส่วนสิ่งของที่จะมอบให้นักเรียน โรงเรียน และชุมชน ได้มอบผ่านผู้บริหารโรงเรียน และนายบ้าน (ผู้ใหญ่บ้าน) เพื่อนำไปดำเนินการต่อไป หลังจากประธานแอ ได้กล่าววัตถุประสงค์ในการมาเยี่ยมเยือนเสร็จ และนายบ้านได้กล่าวขอบคุณแล้ว ด้วยน้ำจิตน้ำใจของพี่น้องบ้านปากโพย เกรงว่าจะมืดค่ำเราจะหิวกัน จึงจัดอาหาร และเครื่องดื่ม เพื่อส่งทางทีมงานเราพอหอมปากหอมคอ ก่อนร่ำลา เดินทางออกจากหมู่บ้านเมื่อเวลา ประมาณ 15.30 น.
เราออกเดินทางต่อ เพื่อมุ่งหน้าไปยัง “บ้านหินโหง่น” ซึ่งอยู่ห่างออกไป 30 กม.ถึงบริเวณสนามหญ้าโรงเรียนบ้านหินโหง่นเมื่อเวลามืดโพล้เพล้ท่ามกลางอากาศที่หนาวเย็น มีคณะครูและชาวบ้านบางส่วนมารอคอยต้อนรับ ทุกคนจัดเตรียมที่พักนอน ช่วยกันหุงหาจัดเตรียมอาหารสำหรับมื้อเย็น และพบปะพูดคุยสนทนาวิสาสะกันอย่างม่วนชื่น เพราะทีมงานคนหนุ่มของ “ทีมงานสายบันเทิงเวียงจันทน์” ได้สร้างความสนุกสนานให้จนดึกดื่น ได้เวลาลุงแหลม เลยหลอย!!!ตามเคย ฮิ้วๆ
รุ่งเช้าวันที่ 23 มกราคม 2018 : ทุกคนช่วยกันเตรียมอาหารเช้า โดยเฉพาะ เสี่ยจอร์ช (ท้าวราชวง พูเฮืองหง) ผู้เป็นพ่อครัวใหญ่ประจำทริป ได้แสดงฝีมืออย่างเต็มที่ เมื่อเด็กๆ และชาวบ้านได้ทยอยกันออกมาที่สนามหญ้าของโรงเรียน เพื่อร่วมกิจกรรม และรับสิ่งของที่ทีมงานเรานำไปมอบให้ ช่วงก่อนจะถึงพิธีการ เราเห็นเด็กๆมองถุงขนมที่พวกเราขนลงจากรถเพื่อนำไปแจก ด้วยสายตาท่าทางที่แสดงถึงความต้องการอย่างที่สุด ทีมงานเราจึงรีบหยิบขนมมาแจกทุกๆคน ไม่ว่าเด็ก ผู้ใหญ่ ด้วยความอิ่มเอมใจ และเป็นสุข
ก่อนการมอบอย่างเป็นทางการ พวกเราได้จัดกิจกรรมให้เด็กมีการแสดงออก การร้องเพลง และมอบรางวัล มีขนม สมุด ดินสอ ตุ๊กตา และเสื้อผ้า ทำให้ทุกคนทั้งผู้รับ และผู้มอบ ที่อยู่ ณ สถานที่นั้นตื้นตัน มีความสุข และประทับใจยิ่งนัก หลังจากภารกิจมอบสิ่งของให้นักเรียน และชาวบ้านเรียบร้อยแล้ว ทีมงานทุกคนได้ร่วมรับประทานอาหารเช้า พร้อมกับคณะกรรมการหมู่บ้าน ได้เวลาอันสมควรจึงกล่าวอำลา และออกเดินทางออกจากหมู่บ้านเมื่อเวลาประมาณ 11.00 น.ย้อนกลับออกมาในเส้นทางเดิมที่กันดาร ฝุ่น และถนนที่ขรุขระ ทิ้งไว้แต่เพียงน้ำใจ และความอบอุ่นใจที่มอบให้กับพี่น้องบ้านหินโหง่น อันยากที่จะลืมได้ไว้อยู่เบื้องหลัง
เสร็จสิ้นภารกิจการทำบุญ และให้ความช่วยเหลือพี่น้องที่ขาดแคลน ทีมงาน “ใจถึงใจ รับใช้สังคม” ได้วางโปรแกรมเพื่อให้คณะที่ร่วมเดินทางไปด้วย ได้มีโอกาสพักผ่อนหย่อนใจ ท่องเที่ยวชมธรรมชาติ ภูมิประเทศในเขตใกล้เคียง เมื่อเดินทางกลับเข้าสู่ถนนเส้นหลัก ปากซัน-เชียงขวาง จึงเลี้ยวขวามุ่งสู่ “บ้านผาเมือง” เมืองบลิคัน แขวงบลิคำไซ เมื่อไปถึง เราได้เข้าชมถ้ำผาเมือง ซึ่งอยู่ในเขาหินลูกหนึ่ง กลางทุ่งนาริมถนน เป็นภูเขาหินปูน ลักษณะผนังถ้ำเหมือนเขาพิงกัน ภายในมีหินงอก หินย้อย ทำให้เกิดช่องว่างเป็นโพรงหลายแห่ง ในถ้ำมีน้ำขังอยู่เป็นแอ่ง อากาศเย็นสบาย รอบๆถ้ำเป็นโพรงทะลุวกวนไปมาหลายแห่ง จนสามารถที่จะเดินทะลุไปมารอบเขาได้
ด้านนอกมีพระประธานตั้งอยู่ ให้นักท่องเที่ยวได้กราบไหว้บูชา เพื่อความเป็นสิริมงคล บริเวณด้านหน้าทางเข้าจะมีห้องน้ำ และที่พักไว้เพื่อบริการนักท่องเที่ยว ตั้งใจว่าจะทานกลางวันกันที่บ้านผาเมือง แต่เนื่องจากเลยเวลาหิวจึงตัดสินใจมุ่งหน้าต่อไปยัง “ไร่มะนาวหวาน” อยู่ห่างจากถ้ำผาเมืองเพียง 10 กม.โดยวางแผนจะพักค้างคืนกันที่นั่น เมื่อเดินทางถึงไร่มะนาวหวาน ซึ่งมีต้นมะนาวหลากหลายพันธุ์ โดยเจ้าของได้จ้างผู้ชำนาญการจากไทยไปดำเนินการให้ในช่วงแรก ปัจจุบันผ่านมาระยะ 4 ปี ได้ผลผลิตที่ดีมาก
ไร่มะนาวหวานมีพื้นที่กว่าพันไร่ อยู่บริเวณเชิงเขา มีภูเขาล้อมรอบ อากาศเย็น จะมีหมอกลงหนาในตอนเช้า มีเสี่ยฮาง-ท้าวหนูลัด ปัญญา เป็นเจ้าของที่ดินซึ่งประกอบธุรกิจหลายร้อยล้าน โดยเฉพาะโรงเลื่อยไม้แปรรูปจากเขื่อนน้ำเทิน 2 เมื่อถึงไร่มะนาวหวาน ด้วยความหิวโหย มีอาหารหลายๆอย่าง รวมทั้งเครื่องดื่มเย็นเจี๊ยบ ซึ่งเจ้าของสถานที่ และท่านคำเพ็ด เฮืองผานี รองประธานชมรม “ใจถึงใจ รับใช้สังคม” จัดเตรียมไว้ เช่น ปิ้งปลาสดๆ ไก่ย่าง ตำหมากหุ่ง สุดแสนอร่อยจริงๆสำหรับอาหารมื้อนี้ “เสี่ยฮาง”ประกาศลั่น “คืนนี้ ไผหนีไปนอนก่อน จะเสียใจเด้อๆ มีดนตรี และหมูย่างอีก 3 โต เครื่องดื่มอีก 20 ลัง รอถ่าพี่น้องยุ” ทำให้ท้าวเบีย และ เสี่ยยก-ท่านเพียนยก แก้ววิหาน ได้ยินแล้วหูผึ่ง บอกลุงแหลมว่า “จ้าง..ข่อยกะบ่นอนเด้อคืนนี้ ฮ่าๆ”
ค่ำนี้ 18.00 น.สมาชิกทุกคนทยอยมายังจุดรวมพล สำหรับกิจกรรมยามค่ำคืน สานสัมพันธ์โดยรองฯเอก-สุรจิต กลัดเพชร เจ้าตำหรับการรับน้อง และสมาชิกใหม่ เพื่อทำความรู้จักคุ้นเคยกัน งานนี้ขาดคู่หู เลขาฯ เล็ก-สุริยนต์ อุปะทะ ซึ่งติดงานมาร่วมไม่ได้ เวลาผ่านไปเมื่อเสียงดนตรีเริ่มบรรเลงเร้าอารมณ์ นักร้องเสียงทองจากหลายค่ายเข้าคิวแย่งไมค์กันจ้าละหวั่น โดยเฉพาะ รองเจ้าเมืองสงวน และเสี่ยฮาง เจ้าของไร่ คักแท้ๆร้องเพลง “กุหลาบปากซัน” ม่วนหลายๆ ส่วนอดีตนายอำเภอปุ๊ สู้บ่ไหว หลอย!!!ไปนอนก่อนลุงแหลมอีก!!! การสรวลเส เฮฮา อย่างมีความสุข ของสมาชิกล่วงเลยมาถึงตีสองกว่าๆ ก็เริ่มซาๆ และแผ่วเบาลง ไม่รู้ลุงแหลมคลานเข้าเต๊นท์หลับไปตอนไหน???
รุ่งเช้าวันที่ 24 มกราคม 2018 : ลุงแหลมรีบตื่นขึ้นมา เกรงไม่ทันได้ชมทัศนียภาพพระอาทิตย์ขึ้นบนยอดเขา และอากาศอันบริสุทธิ์ หลังอาหารเช้าทีมงานส่วนใหญ่ยังคงเสวนาถึงบรรยากาศเมื่อคืนที่ผ่านมากันไม่รู้จบ เป็นส่วนที่ดีของแต่ละบุคคลท้างน้านนนน...ฮ่าๆฮิ้ววว์ ได้เวลาสมควรพวกเราได้ร่ำลาเสี่ยฮางเจ้าของพื้นที่ เพราะแกบอกว่าถ้าอยู่ต่ออีกคืน แกจะล้มวัวอีก 2 ตัว เสี่ยฮางยังได้ขู่ แกมบังคับ ให้แวะทานข้าวที่บ้านแกอีกหนึ่งมื้อก่อนจากกัน
เมื่อมาถึงบ้าน (คฤหาสน์) ของเสี่ยซึ่งกำลังก่อสร้างยังไม่แล้วเสร็จ ตั้งอยู่เมืองเก่า ติดริมแม่น้ำซันที่ไหลผ่าน มีทิวทัศน์ที่สวยงามมาก ภายหลังจากร่วมรับประทานอาหารแล้ว ทีมงานได้แวะชมกิจการโรงเลื่อยของแก ซึ่งอยู่ริมถนนในเส้นทางผ่าน และร่ำลากันเป็นครั้งล่าสุด หลังจากที่ได้ลากันมาแล้วหลายครั้ง อิๆ เราเดินทางกลับมุ่งหน้าเมืองปากซัน-เวียงจันทน์ สำหรับแลนด์โรเวอร์ โกปื๊ดทุ่งใหญ่ และ เสี่ยกบ ได้ขอแยกเส้นทางกลับ มุ่งหน้าเข้าแขวงคำม่วน-สะหวันนะเขต เพื่อข้ามไปยังจังหวัดมุกดาหาร เยี่ยมบ้านเกิดก่อนกลับเมืองกาญจน์
ลุงแหลม พร้อมอดีตนายอำเภอปุ๊ และรองฯเอก โชเฟอร์คนแกร่งของลุงแหลม เดินทางกลับพร้อมคณะทีมลาว โดยเสี่ยแอ ประธานชมรม “ใจถึงใจ รับใช้สังคม” ได้พามาส่งและอำลากันที่ร้าน “เครือฟ้างัวปิ่น” เช่นเดิม เป็นอันเสร็จพิธี สำหรับทริปนี้ ฮิ้วๆ กว่าจะถึงบ้าน เกือบพี่น้อง ตม.ลาวบ่ให้ข้ามขัว โชคดีมีชัยทุกๆคนเด้อพี่น้อง พ้อกันใหม่ทริป “บ้านตั้งอุย เมืองพูคูน แขวงหลวงพระบาง” วันที่ 22-24 กุมภาพันธ์ 2018 ผุดั๋ยสิไปนำลุงแหลม เตรียมตัวเลย..ซำบายดี.