หลังจากที่บริษัท มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย จำกัด ได้เปิดตัว มาสด้า ซีเอ็กซ์-5 เจนเนอเรชั่น 2 ออกมาเรียบร้อยแล้ว ก็ได้ฤกษ์จัด “งานเสือ” อีกครั้ง ด้วยการนำสื่อมวลชนขึ้นขี่เรือบินไปยังจังหวัดเชียงราย เหนือสุดของประเทศ เพื่อร่วมพิสูจน์สมรรถนะของเจ้าเสือซีต้าห์น้อย บนเส้นทางที่ท้าทายทั้งรถและคนขับ โดย “งานเสือ” ครั้งนี้ มาสด้าแบ่งออกเป็น 3 ทริป มีชาวคณะร่วมเดินทางกว่า 120 คน บนระยะทาง 2,500 กิโลเมตร
ทริปแรกเป็นเส้นทางเชียงรายสู่อุดรธานี จากโชว์รูมมาสด้าสินธานี สาขาบ้านดู่ อำเภอเมืองจังหวัดเชียงราย ซึ่งเจ้าบ้านใจดีก็คือ คุณวีรศักดิ์ เลาหะวีร์ กรรมการผู้จัดการ มาสด้าสินธานี ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์มาสด้าในจังหวัดเชียงรายและพะเยา พร้อมด้วยเจ้าภาพใจถึง คือประธานบริหาร มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย คุณชาญชัย ตระการอุดมสุข และคุณธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายการตลาด ที่เดินทางมาต้อนรับคณะสื่อมวลชนอย่างอบอุ่น โดยไม่หนาวเลย
สำหรับการเดินทางในครั้งนี้ มาสด้าได้จัดเตรียมฝูงบินสกายแอคทีฟ มาสด้า ซีเอ็กซ์-5 รุ่นใหม่ไว้ทั้งหมด 12 คัน ประกอบด้วยเครื่องยนต์คลีนดีเซล ขนาด 2.2 ลิตร 175 แรงม้า จำนวน 6 คัน ราคาขายอยู่ที่ 1,770,000 บาท และเครื่องยนต์เบนซิน ขนาด 2.0 ลิตร 165 แรงม้า จำนวน 6 คัน ราคาขายอยู่ที่ 1,530,000 บาท ซึ่งทุกรุ่นเป็นท็อปเกรดของมาสด้า
เช้าวันแรก หลังจากเข้าคอร์สสั้นที่โชว์รูมมาสด้า เกี่ยวกับรายละเอียดของตัวรถ และเส้นทางการทดสอบแล้ว คนขับพร้อม รถพร้อม ชาวคณะก็เปิดอาดหลาดมุ่งหน้าไปยังจุดหมาย คือ จังหวัดน่าน ด้วยระยะทางเกือบ 300 กิโลเมตร ต้องผ่านภูเขา ทางคดโค้ง ซึ่งก็ท้าทายดี แต่การเลือกใช้เส้นทางที่น้อยคนจะเลือกทางนี้ เนื่องจากต้องผ่านภูเขาหลายลูก รถราต่างๆ จึงไม่ค่อยจะปรากฏให้เห็น ทำให้สามารถควบคุมการเดินทางได้อย่างรื่นรมย์
จากเชียงรายมาได้ประมาณ 110 กิโลเมตร ก็ได้เวลาแวะมื้อเที่ยงที่ร้านอาหารครัวแสงจันทร์ อำเภอเชียงคำ ร้านนี้ตั้งอยู่ท่ามกลางทุ่งนาอันเหลืองอร่าม เป็นบรรยากาศของการอิ่มท้องโดยแท้ ก่อนออกเดินทางมุ่งหน้าสู่อุทยานแห่งชาติภูลังกา ซึ่งเส้นทางส่วนใหญ่เป็นเลนสวน ขึ้นและลงเขา ก่อนที่จะแวะหวดกาแฟยามบ่ายสบายๆ ที่ร้านบ้านทะเลหมอก ทีนี้ก็ดุ๋ยดุ่ยมุ่งหน้าจังหวัดน่าน และเข้าพักผ่อนนอนหงายที่โรงแรมน่านตรึงใจ โรงแรมสวยๆ บรรยากาศดีๆ อยู่ใกล้กับสนามบินจังหวัดน่าน เป็นการเดินทางกับ มาสด้า ซีเอ็กซ์-5 ในวันแรกที่พอหอมปากหอมคอ
รุ่งขึ้นวันที่สอง ชาวคณะมาสด้าออกเดินทางกันตั้งแต่เช้าตรู่ เพราะวันนี้ต้องหวดยาวๆ กับระยะทางกว่า 400 กิโลเมตร โดยมีจุดหมายที่อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย คราวนี้ก็ได้เพลินกับเส้นทางเลาะตะเข็บชายแดนไทย-ลาว ซึ่งเป็นเลนสวนตลอด บางช่วงขรุขระเนื่องจากผลของช่วงฤดูฝนที่ยาวนานเกินจะต้านไหว หรือบางช่วงกำลังซ่อมพื้นผิวจราจร จากตัวเมืองน่านผ่านเข้าสู่อำเภอท่าวังผา แวะชมความงามของน้ำตกภูสอยดาว แล้วไปทานข้าวเที่ยงกันที่อุทยานแห่งชาติภูสวนทราย ด้วยอาหารแบบท้องถิ่นที่อร่อยตรึงใจ ก่อนจะเผ่นออกไปทางอำเภอนาแห้ว ผ่านอำเภอท่าลี่ แวะด่านชายแดนไทย-ลาวที่บ้านนากระเซ็ง ซึ่งเป็นด่านชายแดนที่สามารถข้ามไปยังเมืองหลวงพระบางของลาว เพียงร้อยกว่ากิโลเมตรเท่านั้น
ค่ำนี้ก็ไปเสร็จสบายหงายเอ้ดเลดที่อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย พร้อมดื่มด่ำบรรยากาศริมแม่น้ำโขง ที่ร้านอาหารค่ำเฮือนหลวงพระบาง เลาะเลียบชมถนนคนเดิน สัมผัสวิถีชุมชน ซึ่งวันนี้ เมืองเชียงคานเปลี่ยนไปจากเมื่อครั้งก่อนที่เคยไปเยือน กลายเป็นแหล่งรวมของนักท่องเที่ยวที่หลั่งไหลมาตักตวงมนต์เสน่ห์ โดยเฉพาะการอนุรักษ์สไตล์บ้านไม้ที่ตกแต่งแบบย้อนยุค
เช้าวันที่สามของการเดินทาง ชาวคณะได้ใช้เส้นทางเลียบเลาะแม่น้ำโขง ลูบคมขวานด้ามทอง จากเชียงคานจนถึงจังหวัดหนองคาย ระหว่างทางนั้นก็ได้ขึ้นเขาไปยังจุดชมวิวที่สวยงามของวัดผาตากเสื้อ จากจุดชมวิวแห่งนี้สามารถมองเห็นความคดเคี้ยวของแม่น้ำโขงในมุมที่สวดยวดเจงๆ วันนี้สถานที่แห่งนี้จึงกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวไปซะแหล่วอีนางเอ๋ย
จากหนองคายก็ย้อนลึกเข้ามาสู่อุดรธานี และสิ้นสุดการเดินทางสำหรับผลัดแรก ด้วยระยะทางรวมกว่า 1,000 กิโลเมตร กับเวลา 3 วัน 2 คืน ก่อนที่จะส่งไม้ต่อให้กับสมาชิกผลัดสอง ที่บินลัดจากดอนเมืองมารับช่วงต่อมุ่งหน้าสู่จังหวัดนครพนม
การเดินทางกับรถอเนกประสงค์ มาสด้า ซีเอ็กซ์-5 ใหม่ ในครั้งนี้ ต้องบอกว่า ในเจนเนอเรชั่นแรกก่อนหน้านี้ ได้สร้างความประทับใจไว้เป็นอย่างมาก มาในรุ่นใหม่นี้ ยิ่งทำได้ดียิ่งขึ้นมากกว่ารุ่นเดิมอย่างเห็นได้ชัด รวมทั้งการเลือกเส้นทางที่สามารถตอบโจทย์ทั้งเรื่องของสมรรถนะของเครื่องยนต์ ระบบช่วงล่าง และเทคโนโลยีอื่นๆ ทำให้รถคันนี้ควบคุมการขับขี่ได้ตามสั่ง อยากแรง อยากประหยัด อยากใช้งานในรูปแบบไหน คันนี้คันเดียวก็เพียงพอ