ขับนาวาร่า ไปขึ้นดอย มอบของเด็กเล็ก เยี่ยมศูนย์อภิบาลช้าง
วันที่ 13-14 ธันวาคม 2560 : บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้ชวนให้ทีมงาน 4x4Special และ www.autocarspecial.com เข้าร่วมทำกิจกรรมเพื่อสังคม ที่นิสสันต้องการจะให้เป็นส่วนหนึ่งในการร่วมถ่ายทอดหลักการอนุรักษ์ธรรมชาติและการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ตามรอยในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ศูนย์อภิบาลช้าง ภายใต้โครงการ “แค่ใจก็เพียงพอ ตามพ่อที่พอเพียง” พร้อมพิสูจน์สมรรถนะรถกระบะพันธุ์แกร่ง นิสสัน นาวาราใหม่ อีกด้วย
กิจกรรมในครั้งนี้ บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมสืบสานพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชบรมนาถบพิตร ในหลวง รัชกาลที่ 9 ผ่านโครงการ “แค่ใจก็เพียงพอ ตามพ่อที่พอเพียง” ด้วยการเดินทางไปมอบอุปกรณ์การเรียน และมอบทุนการศึกษา ให้กับศูนย์พัฒนาเด็กเล็กดอยม่อนเงาะ และไปพบกับ คุณแสงเดือน ชัยเลิศ บุคคลต้นแบบของโครงการฯ ผู้ร่วมก่อตั้งศูนย์อภิบาลช้างในจังหวัดเชียงใหม่
การเดินทางครั้งนี้ นิสสันพาเราขึ้นเครื่องบินไปลงเชียงใหม่ แล้วไปที่ศูนย์บริการสยามนิสสัน เชียงใหม่ เพื่อเข้าฟังบรรยายสรุปเกี่ยวกับกิจกรรมในครั้งนี้ และเป็นการแนะนำนิสสัน นาวาราใหม่ รุ่นปี 2018 อีกด้วย
เริ่มต้นการขับจากศูนย์บริการสยามนิสสัน เชียงใหม่ โดยใช้ นิสสัน นาวาราใหม่ รุ่นปี 2018 สำหรับผู้เขียนได้รับมอบหมายรุ่น King Cab 4x4 เกียร์ธรรมดา เครื่องยนต์ดีเซล 2.5 ลิตร DOHC 16 วาล์ว เทอร์โบแปรผัน (VGS) และอินเตอร์คูลเลอร์ ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า ที่ 3,500 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร ที่ 2,000 รอบ/นาที เรื่องของพละกำลังนั้น หายห่วง สามารถเดินทางขึ้นเขาได้อย่างสบาย และยังเร่งแซงในเส้นทาง 2 เลนสวนได้อย่างคล่องแคล่วมั่นใจ ด้วยองค์ประกอบของเทคโนโลยีการเคลื่อนที่ นิสสัน อินเทลลิเจนท์ โมบิลิตี้ (Nissan Intelligent Mobility) ที่เป็นตัวช่วยการขับขี่อย่างชาญฉลาด
เราใช้เส้นทางหมายเลข 107 มุ่งหน้าไปทางอำเภอแม่ริม เข้าสู่อำเภอแม่แตง จากนั้นเลี้ยวซ้ายเข้าเส้นทางหมายเลข 1095 ไปประมาณ 10 กิโลเมตร ก็เห็นป้ายบอกทางไปศูนย์พัฒนาโครงการหลวงม่อนเงาะ และตำบลเมืองก๋าย ลึกเข้าไปอีกประมาณ 7 กิโลเมตร จะเจอทางแยกและมีป้ายบอกทางให้เลี้ยวซ้ายไปบ้านม่อนเงาะ ช่วงนี้ถนนเป็นคอนกรีต ทางเริ่มแคบเป็นทางขึ้นเขา รถวิ่งสวนทางกันเกือบจะไม่ได้ ช่วงถัดไปจะเป็นถนนคอนกรีตและลูกรังสลับกันไป เส้นทางส่วนใหญ่เป็นเนินเขา และแคบ แต่นิสสัน นาวาราใหม่ รุ่นปี 2018 ที่เราขับมานี้ ไม่ต้องกังวลเลย เพราะมีการติดตั้งกล้องมองภาพรอบทิศทาง (Intelligent Around View Monitor หรือ AVM) ซึ่งจะเปิดมุมมองภาพภายนอกรถ 360 องศา ด้วยกล้องที่ติดตั้งไว้ 4 จุด (หน้า, หลัง และกระจกมองข้างทั้งสองด้าน) โดยจะแสดงภาพนอกตัวรถและภาพมุมสูง (Bird Eye View) บนกระจกมองหลังเพื่อให้ผู้ขับขี่เห็นได้ชัดเจน ทำให้การเดินทางไปในพื้นที่ที่มีข้อจำกัดมากมายเป็นไปอย่างราบรื่น สร้างความมั่นใจให้กับผู้ขับขี่มากขึ้น
เมื่อถึงศูนย์พัฒนาเด็กเล็กดอยม่อนเงาะ คณะเรามีภาระกิจช่วยเหลือน้องๆ ด้วยการส่งมอบอุปกรณ์การเรียนการสอนให้แก่คุณครู ที่นี่รับดูแลเด็กเล็กอายุระหว่าง 3-5 ขวบ จำนวนถึง 21 คน โดยมีครูสลับกัน เพื่อทำการสอนและดูแลเด็กๆ ในยามที่พ่อ/แม่ไปทำงาน สำหรับศูนย์พัฒนาเด็กเล็กดอยม่อนเงาะเป็นองค์กรที่ไม่แสวงผลกำไรในจังหวัดเชียงใหม่ ที่ไม่ค่อยมีคนรู้จักมากนัก และยังต้องการปัจจัยต่างๆสำหรับเด็กอีกมากมาย ท่านใดที่สนใจจะไปช่วยเหลือน้องๆก็เชิญได้เลย
หลังจากนั้น เราก็ออกเดินทางเข้าสู่ช่วงลงเขา ไปกินข้าวเที่ยงที่ไร่ชาลุงเดช กับเมนูชาแปลกๆ ทั้งใบชาทอดกรอบจิ้มน้ำจิ้มรสเด็ด ไข่เจียวใบชา และยำทูน่าใบชา เรียกว่าเป็นเมนูชาที่ไม่เคยลิ้มลองมาก่อน
ช่วงบ่ายเรามีสัมภาระเพิ่มขึ้นมาท้ายกระบะ ซึ่งก็คือผักและผลไม้นานาพันธุ์ปลอดสารพิษ ที่สามารถใช้เป็นอาหารช้าง จึงเป็นการทดสอบสมรรถนะและความแกร่งด้านการบรรทุกหนัก รวมถึงเทคโนโลยีล้ำสมัยต่างๆของ นาวารา ได้เป็นอย่างดี เช่น ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (VDC) ระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (HSA) และระบบช่วยควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน (HDC) ระบบเพื่อการขับขี่เหล่านี้ไม่เพียงมอบความสะดวกสบาย แต่ยังให้ความปลอดภัยต่อผู้ขับขี่และผู้โดยสารอีกด้วย
ขับมาไม่ไกล ก็ถึงศูนย์อภิบาลช้าง โดยได้รับการต้อนรับจาก คุณแสงเดือน ชัยเลิศ หรือ แม่เล็กของน้องช้าง บุคคลต้นแบบของโครงการ “แค่ใจก็เพียงพอ ตามพ่อที่พอเพียง” ซึ่งแม่เล็กได้รับแรงบันดาลใจจากสิ่งที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ได้ทรงงานและได้ทรงสอนไว้ แม่เล็กกล่าวด้วยความภาคภูมิใจว่า “ดิฉันเติบโตมาบนยอดเขาสูง ได้รับฟังข่าวของพระองค์ท่านมากมาย เมื่อในหลวงรัชกาลที่ 9 เสด็จขึ้นมาถึงบนพื้นที่ห่างไกลเช่นนี้เมื่อครั้งที่ดิฉันยังเด็ก ดิฉันสงสัยว่าทำไมพระองค์จึงต้องเดินทางขึ้นมาบนดอยที่กันดาร แต่เมื่อเวลาผ่านไป ดิฉันก็รู้ว่าพระองค์เดินทางขึ้นดอยเพื่อช่วยเหลือพสกนิกรของพระองค์โดยไม่หวังผลตอบแทนอะไรเลย”
“พระองค์ ทรงเสียสละเวลาและความสุขส่วนพระองค์เพื่อประชาชนทุกคน พระองค์ต้องการให้พวกเรามีชีวิตที่ดีขึ้น พระองค์ทรงเป็นแรงบันดาลใจให้ดิฉันมีความมุมานะทำงานเพื่อคนอื่น ถึงแม้จะต้องเผชิญกับอุปสรรคมากมาย แต่ดิฉันระลึกถึงพระองค์ท่านอยู่เสมอ และดำเนินตามรอยทางของพระองค์ด้วยการทำงานที่มีความบริสุทธิ์ใจและมีความมุ่งมั่น เพื่อยืดหยัดอยู่ได้ด้วยตัวเองและมีการพัฒนาอย่างยั่งยืน”
แม่เล็กยังบอกเราอีกว่า ช้างส่วนใหญ่ในศูนย์แห่งนี้ถูกทำทารุณทั้งทางร่างกาย และจิตใจ สภาพความเป็นอยู่ที่ทารุณทำให้เกิดบาดแผลลึกอย่างถาวรอยู่ในหัวใจของช้างเหล่านี้ ช้างส่วนใหญ่เดินไปมาแบบไร้จิตวิญญาณด้วยแววตาที่ว่างเปล่า อันเป็นผลมาจากการใช้งานหนัก การทำร้าย ถูกเพิกเฉย และไม่ได้รับการดูแลรักษาอย่างถูกต้อง และนอกจากช้างที่อยู่ที่นี้ประมาณ 75 เชือกแล้ว ยังมีสัตว์อื่นอีก ไม่ว่าจะเป็นสุนัข 500-600 ตัว และแมวอีก 350 ตัว และเพื่อให้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการดูแลสัตว์ที่พิการเกือบ 1,000 ตัว แม่เล็กและเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์แห่งนี้จึงขยายขอบเขตภารกิจของศูนย์อภิบาลช้าง ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเพื่อเปิดโอกาสให้มีอาสาสมัครเข้ามาช่วยเหลือและรับการบริจาคจากผู้สนใจทั่วโลก
เมื่อศูนย์อภิบาลช้าง มีชื่อเสียงทั่วโลก แม่เล็กผู้เปรียบเสมือน “แม่ของช้าง” ได้ถูกเลือกและเชิดชูให้เป็นอีกหนึ่งบุคคลต้นแบบของโครงการ “แค่ใจก็เพียงพอ ตามพ่อที่พอเพียง” และยังได้เป็นหนึ่งในบุคคลที่ได้รับรางวัล “ฮีโร่ ออฟ เอเชีย” จากนิตยสารไทม์ จากการอุทิศตนในการดูแลเยียวยาช้างอีกด้วย
กิจกรรมครั้งนี้ ชาวคณะเรามี มร.ปีเตอร์ แกลลี รองกรรมการผู้จัดการใหญ่สายงานสื่อสารองค์กร และคุณสุรีทิพย์ ละอองทอง โฉมทองดี รองประธาน สายงานการตลาด บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นตัวแทนในการกล่าวขอบคุณแม่เล็กและเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์แห่งนี้ด้วย
ขอบคุณภาพประกอบสวยๆ จากกล้องโกโปร โดยบริษัท เมนทาแกรม จำกัด และขอบคุณบริษัท เชลล์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่เอื้อเฟื้อน้ำมันเชื้อเพลิงประสิทธิภาพสูงตลอดการเดินทาง และขอบคุณ บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด อำนวยความสะดวกตลอดการเดินทาง