


1) หลีกเลี่ยงการขับรถผ่านถนนมีน้ำท่วมขังสูงกว่ากึ่งกลางของล้อ
2) ระมัดระวังเป็นพิเศษกับน้ำไหล น้ำที่ไหลแรง น้ำท่วมอย่างฉับพลัน หรือกระแสน้ำไหลอย่างต่อเนื่อง
3) หยุดและสังเกตรถคันอื่นว่า สามารถขับรถผ่านไปได้อย่างปลอดภัยหรือไม่
4) ควรปิดแอร์และเปิดหน้าต่าง เพราะหากเครื่องยนต์ไม่ดับ พัดลมก็จะหมุนรับเศษขยะที่ลอยมาตามน้ำ
5) ต้องให้แน่ใจว่า ถนนยังมีอยู่และไม่ได้รับความเสียหาย เนื่องจากอาจมีหลุมที่ลึกเกินกว่าที่รถจะผ่านไปได้
6) การขับรถเข้าสู่ถนนที่มีน้ำท่วมขังควรขับด้วยความเร็วไม่เกิน 3 กม./ชม. และเพิ่มความเร็วเป็น 6 กม./ชม.เมื่อขับผ่านน้ำท่วมขัง ซึ่งการขับขี่ในสภาวะดังกล่าวจะทำให้เกิดคลื่นน้ำด้านหน้าและลดระดับน้ำบริเวณรอบห้องเครื่องยนต์ลง ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงที่น้ำจะไหลเข้าสู่ที่กรองอากาศ และสร้างความเสียหายต่อระบบไฟฟ้าและชิ้นส่วนต่างๆ
7) ควรใช้เกียร์ต่ำและรอบเครื่องยนต์สูง ใช้เกียร์หนึ่ง ซึ่งขึ้นอยู่กับประเภทของเกียร์ รักษาความเร็วให้คงที่ เครื่องยนต์ที่ลดความเร็วอาจทำให้น้ำไหลผ่านเข้าสู่ท่อไอเสียและสร้างความเสียหายต่อเครื่องฟอกไอเสียได้
8) การขับรถผ่านน้ำท่วม ผู้ขับควรเว้นระยะห่างจากรถคันหน้า และระวังรถจากทิศทางอื่น
9) เมื่อขับรถออกจากบริเวณที่มีน้ำแล้ว ค่อยๆ ย้ำเบรกเพื่อให้น้ำออกจากเบรค หากมีความคุ้นเคย กับเทคนิคนี้ ผู้ขับขี่สามารถใช้เท้าซ้ายเหยียบเบรกได้ และปล่อยเบรคเมื่อรู้สึกว่าเบรกจับตัวแล้ว
ควรล้างทำความสะอาดรถยนต์ เพื่อเป็นการตรวจสอบไปในตัว