นิสสัน มอเตอร์ ประเทศไทย สานต่อความมนุกกับกิจกรรม "Let’s Move" ต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 2 ที่จังหวัดเชียงใหม่ พร้อมกันนี้ยังได้มีการทดลองขับรถ 2 รุ่น ประกอบด้วย โน๊ต และอัลเมร่า ที่มีการปรับปรุงเพิ่มเติมในส่วนของระบบเครื่องเสียงใหม่ หน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อทั้ง iOS ผ่าน Apple CarPlay และ Android พร้อมการเชื่อมต่อแบบแฮนด์ฟรี รวมถึงการควบคุมการโทรออก รับส่งข้อความ เล่นเพลง วีดีโอ พร้อมแอพพลิเคชั่นระบบนำทางผ่านดาวเทียม

มร. ปีเตอร์ แกลลี รองประธานสายงานการสื่อสารองค์กร นิสสัน มอเตอร์ ประเทศไทย
ระบบเครื่องเสียงใหม่เป็นหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญของเทคโนโลยีการเชื่อมต่อภายใต้ Intelligent Integration เป็น 1 ใน 3 แนวคิดหลัก ของ Nissan Intelligent Mobility ที่ผสานการขับและการใช้งานตามไลฟ์สไตล์ของผู้ขับอย่างกลมกลืน ประกอบไปด้วย Intelligent Driving เทคโนโลยีความปลอดภัย และความสะดวกสบายในการขับ และ Intelligent Power เทคโนโลยีระบบขับเคลื่อนที่ให้ทั้งสมรรถนะ ประหยัดน้ำมัน และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

กิจกรรมทดสอบครั้งนี้ มีการทดสอบขับทั้งแบบไดนามิกให้สื่อมวลชนได้สัมผัสเทคโนโลยีอัจฉริยะ และระบบความปลอดภัยของ นิสสัน อินเทลลิเจนท์ โมบิลิตี้ ทั้งเทคโนโลยีกล้องอัจฉริยะมองภาพรอบทิศทาง (Intelligent Around View Monitor – i-AVM) เทคโนโลยีตรวจจับ และส่งสัญญาณเตือนวัตถุ และบุคคลที่เคลื่อนไหวจากกล้องรอบคัน (Moving Object Detection – MOD) กระจกมองหลังแสดงผล (Rear-View Mirror Monitoring) และเทคโนโลยีเตือนเมื่อรถออกนอกช่องทาง (Lane Departure Warning – LDW) ระบบช่วยเตือนก่อนการชนด้านหน้าอัจฉริยะ (Forward Collision Warning) และระบบช่วยเบรกฉุกเฉิน (Forward Emergency Braking – FEB) ซึ่งเทคโนโลยีเหล่านี้ มีความเหมาะอย่างยิ่งในการใช้ขับขี่บนถนนในเมืองที่เล็กและมีที่จอดรถค่อนข้างจำกัด นอกจากระบบเครื่องเสียงใหม่ และเทคโนโลยีนิสสัน อินเทลลิเจนท์ โมบิลิตี้ แล้ว นิสสัน อัลเมร่า และ นิสสัน โน้ต เป็นรถที่มีพื้นที่ใช้สอยภายในที่กว้างขวาง สามารถให้ความรู้สึกผ่อนคลาย มากกว่ารถยนต์ในระดับเดียวกัน และโดดเด่นด้วยนวัตกรรมด้านความปลอดภัยที่ช่วยลดการเกิดอุบัติเหตุต่างๆ ให้ผู้ขับขี่ รถยนต์ นิสสัน ทั้งสองรุ่นนี้ยังมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ประหยัดน้ำมัน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

เริ่มต้นกิจกรรมที่ สยาม นิสสัน เชียงใหม่ (ดอนจั่น) ผู้บริหารกล่าวทักทายและบรรยายสรุปกิจกรรม จากนั้นจึงเริ่มออกเดินทางเป็นขบวนไปยัง ลานประเสริฐแลนด์ แบ่งเป็น 2 กลุ่ม ใช้นิสสัน โน๊ต ขับสลาลอมจับเวลา เพื่อทดสอบสมรรถนะของตัวรถ อีกกลุ่มทดสอบความคล่องตัวของรถ และระบบกล้องอัจฉริยะมองภาพรอบทิศทาง ที่ช่วยให้การขับในที่แคบเป็นเรื่องง่าย ในส่วนของการขับสลาลอมพบว่า เมื่อออกตัวด้วยการกดคันเร่งสุด เครื่องยนต์จะเริ่มตอบสนองดีเมื่อถึงไพลอนตัวท้ายๆ ซึ่งต้องลดความเร็วเพื่อเลี้ยวซ้ายหักศอก ต่อด้วยสถานีเปลี่ยนเลนกะทันหัน ช่วงล่างและพวงมาลัยของนิสสัน โน๊ต ตอบสนองได้ดีเกินคาด จึงไม่ต้องลดความเร็วลงมากนัก ต่อเนื่องด้วยโค้งซ้ายกว้างๆ เติมคันเร่งได้ยาวๆ ไปจนถึงจุดเบรกที่วางไพลอนไว้เป็นกรอบ ต้องเบรกให้รถอยู่ภายในเขตที่กำหนด เมื่อต้องกระทืบเบรกแบบฉุกเฉิน เบรกของนิสสัน โน๊ต ก็ทำงานได้ดี

ต่อเนื่องด้วยกิจกรรมทัวร์เมืองเชียงใหม่ โดยมีไกด์นำทางเป็นนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ แนะนำเรื่องของการท่องเที่ยวแบบชิลๆ ขับไปวัดกับสายบุญ ไปชิมอาหารอร่อยๆ กับสายกิน ช่วงนี้ได้ใช้ระบบนำทางกันอย่างเต็มที่ ในรถมีไอโฟนเชื่อมต่อไว้แล้ว สามารถเรียกใช้งาน App ระบบนำทางได้ง่ายๆ ช่วยให้การเดินทางสะดวกสบายมากขึ้นจริงๆ เสร็จสิ้นกิจกรรมทั้งหมด สรุปได้โดยรวมการขับใช้งานในเมือง นิสสัน โน๊ต ขับได้คล่องตัว พวงมาลัยเบา อัตราเร่งเพียงพอสำหรับการใช้งาน ทัศนวิสัยรอบคันอยู่ในเกณฑ์ดี ซอกแซกในเมืองช่วงรถติดได้คล่อง ที่สำคัญเบาะนั่งด้านหลังกว้างขวางเกินหน้าเกินตารูปลักษณ์ของรถที่ดูเป็นทรงกะทัดรัด ถ้าตัดสินใจซื้อก็บอกได้เลยว่า คุ้มค่าแน่นอนครับ......