น่าน ... ไง สวัสดีอากาศเย็น
สวัสดีปลายฝนต้นหนาว ฤดูสีเขียว รอยต่อของทั้ง 2 ฤดูนี้เป็นช่วงที่เราชอบออกไปเที่ยวมาก เพราะชอบที่ต้นไม้ยังมีความเขียวอิ่มน้ำ ชอบหมอกเป็นสาย ชอบคนน้อยๆ อาจจะเจอฝนบ้างท้องฟ้าอาจปิดบ้างก็ถือว่าวัดดวงกันไป ทริปนี้ ไป 3 วัน 2 คืน ขับรถไปตามสไตล์ของเรา ตั้งใจไว้แล้วว่าคราวนี้จะขึ้นไปดอยสกาด เพราะไม่เคยไป เลยอยากไป แค่นั้นแหละ คราวนี้เราได้ของดีเจ้าไดโนเสาร์ RAPTOR พาเที่ยว รับรถมาก็รู้สึกได้แล้วว่า ควรใช้งานบนไฮเวย์เท่านั้น เพราะใหญ่ และกินเนื้อที่มากมาย แต่ที่แน่ๆ ไปขึ้นเขาคราวนี้ ไม่ต้องกลัว ไม่มีกระโดด ลำพังแค่ขับปกติก็ลำบากแล้ว แพลนเดิมคร่าว ๆ ตั้งใจว่าจะขับยาวขึ้นไป ปัว แล้วค่อยกลับลงมาเที่ยวน่าน
...ทะเลหมอกที่ในเช้าวันฝนพรำ .... สวย ล้น สำหรับความรู้สึก...
ออกเดินทางตอนบ่ายของวันพฤหัสบดี ราว 3 โมงได้ จาก กทม. ใช้ทางหลวงหมายเลข 32 ตรงยาวมาจนถึงจังหวัดนครสวรรค์ หลังจากนั้นจะมีแยกไฟแดงเป็นช่วงๆ เรามาถึงช่วงเย็นพอดีก็เลยมีการจราจรที่คับคั่งหน่อย ตรงนี้ต้องระมัดระวังอย่าใช้ความเร็วมาก มักเกิด อุบัติเหตุ ตรงช่วงสะพานเดชาติวงค์ ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาก่อนถึงแยกแรก ระวังนิดรถมักชนท้ายกันบ่อย บางทีเร่งส่งขึ้นสะพาน ลงมาด้วยความเร็วจ๊ะเอ๋รท้ายถติดไฟแดงยาว ... ผ่านไฟแดงแรกสังเกตดูด้านซ้ายมือจะเป็นห้าง BIC C พอเลยไฟแดงไปให้พยามอยู่เลนขวา เพื่อเตรียมตัวจะเลี้ยวไปเส้นทางหมายเลข 117 สังเกตป้ายไปพิษณุโลกไว้ เลี้ยวตามป้ายเลยครับ พิษณุโลก ตอนเลี้ยวระวังรถซ้ายมือด้วยนะ เพราะมีถนนอีกเส้นมาตัดกัน มาจนถึงจังหวัดพิษณุโลก ก่อนเข้าตัวเมือง จะมีสะพานลอยใหญ่ๆ เท่าที่สังเกตนะ มีสะพานลอยเดียวนี่แหละ และมหาวิทยาลัยนเรศวรอยู่ด้านขวามือ พอเลยสะพานลอยมา หรือเมื่อเห็นสะพานลอย ก็เตรียมตัวชิดเลนขวา เลยสะพานลอยไปไม่มากจะเจอไฟแดง แยกหนองอ้อ ซ้ายมือจะไป อำเภอบางระกำ (ถ้าตรงไปจะเป็นตัวเมืองพิษณุโลก) แต่ไม่ต้องเข้าตัวเมือง ให้เลี้ยวขวา ดูป้ายไปอุตรดิตถ์ พอเลี้ยวขวาไปซักพักจะมีไฟแดง ไม่ต้องสนใจ ตรงไปอย่างเดียวเท่านั้น จะเป็นทางหลวงหมายเลข 1064 และหมายเลข 1061 วิ่งไปเรื่อยๆ ก็จะเป็นเส้นทางหมายเลข 11 จนมาถึง 4 แยกอินโดจีน ให้ขับรถตรงไป (จากแยกอินโดจีนไปจะมีปั้มน้ำมันอยู่ด้านซ้ายมือพอสมควร ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีปั้ม) พอวิ่งมาเรื่อยๆ ผ่านจังหวัดอุตรดิตถ์ ถึง 3 แยกเด่นชัย (11) ให้เลี้ยวขวาเส้นทางหมายเลข 101 แล้วตรงไปทางจังหวัดแพร่ พอขับมาซักพัก จะมีทางแยกสองทาง ถ้าตรงไปเข้าตัวเมืองแพร่ เลี้ยวขวาไปจังหวัดน่าน ก็ให้เลี้ยวขวา ขับไปเรื่อยๆ จะถึง อำเภอร้องกวาง และ อำเภอเวียงสา (จาก อ.ร้องกวางไป อ.เวียงสา ช่วงนี้ทำทาง เปลี่ยนเลนสลับซ้ายขวา โชคดีที่เรามาถึงช่วงนี้ค่อนข้างดึกแล้ว รถน้อย ขับสบายไปได้เรื่อยๆ) เราแวะเติมน้ำมันเพื่อเช็คอัตราสิ้นเปลืองกัน อยากรู้ว่า ยางออฟโรด BFGoodrich All-Terrain T/A KO2 ขนาด 285/70 R17 ค่าเป็นนิ้วก็ประมาณ 33 นิ้ว ใหญ่ขนาดนี้ เครื่อง 2.0 Bi-turbo จะกินมั้ย สรุปเบ็ดเสร็จ ผมเติมไปทั้งหมด 41 ลิตร หารกับระยะทางประมาณ 552 กิโลเมตร ได้ตัวเลขประมาณ 13.46 กิโลเมตร/ลิตร ความเร็วเฉลี่ย 100-110 กิโลเมตรต่อชัวโมง ก็ถือว่ารับได้ แต่อันที่จริงคนซื้อกระบะคันละ 1.7 ล้านมาขับเล่น คงไม่มีใครสนใจเรื่องอัตราสิ้นเปลืองหรอกครับ จริงมั้ย ท่านผู้อ่าน ..... หลังจากเติมน้ำมันแล้วก็เลี้ยวซ้ายจากเวียงสาไป จ.น่าน เส้นทางสบายๆ พอผ่านช่วงนี้ไปแล้ว ก็จะเข้าสู่จังหวัดน่าน รวมระยะทางประมาณ 668 กิโลเมตร
...ไปให้สุดกับไดโนเสาร์ RAPTOR...
หลังจากแวะปั๊มนอนพักผ่อนที่ตัว อำเภอปัว ตื่นเช้าเราก็แปรงฟัง ล้างหน้า มุ่งหน้าขึ้นไปยังดอยสกาด โดยใช้เส้นทางสันติสุข-บ่อเกลือ ขับขึ้นไปเรื่อยๆ บอกเลยสวยงามพระราม 8-9-10 ปกติไปแต่เส้นดอยภูคา เพราะคิดว่าใกล้กว่า แต่จริงๆ ก็ไม่ต่างกันมาก โดยส่วนตัวคิดว่าเส้นสันติสุขถนนกว้างกว่า ขับง่ายกว่า วิวสวยๆ เยอะกว่าด้วย แต่บางคนก็ชอบเส้นทางดอยภูคา เพราะแวะเที่ยวปัวก่อน และยังผ่านถนนลอยฟ้าดอยภูคา ถ้ามุ่งตรงไปบ่อเกลือเลยแนะนำเส้นสันติสุขนี่แหละ มีถนนลอยฟ้าเหมือนกัน ถ่ายรูปได้เหมือนกัน ไม่แตกต่าง เราขึ้นดอยสกาด โดยใช้เส้นทางมุ่งหน้าไปทางอำเภอทุ่งช้าง ตาม google maps จากทางแยกซ้ายไปยังดอยสกาด ตรงจุดนี้จะเป็นเส้นทางคดเคี้ยวขึ้นเขาประมาณ 13 กม. ลัดเลาะมาเรื่อยๆ จนถึงหมู่บ้านสังเกตป้ายดีๆ มีป้ายบอกทางตลอด ตาม google maps มาก็จะมาหยุดที่กลางตัว อำเภอสกาด พอดี ช่วงหน้าฝนระวังลื่น เพราะทางขึ้นชันมาก หากไม่ชำนาญแนะนำให้ขออนุญาตจอดรถที่ รพ.สต. แล้วเดินขึ้นไปต่อ (ไม่แน่ใจจอดได้ไหม ต้องขออนุญาตก่อน) เรื่องของเจ้าไดโนเสาร์ RAPTOR ไม่ต้องสงสัยเรื่องของพละกำลัง และความอลังการของโช้กและสปริงแบรนด์ FOX ระดับ 2 แสน กว่าบาท สั้นๆ น่าจะใช้คำว่า “เหลือ” หรืออาจจะ “เกินพอ” ด้วยซ้ำไป ส่วนเรื่องของเทคโนโลยี ไม่พูดถึงนะครับ เพราะเคยพูดไปแล้วในตัว RANGER ส่วนโหมดการขับขี่ที่แตกต่างสำหรับตัว RAPTOR ไม่จำเป็นของไปลอง เพราะของเค้าลองมาแล้วก่อนที่จะเอาเข้ามาขายในประเทศไทย สรุปสั้นๆ ง่ายๆ ไม่มีอะไรต้องแต่ง ทุกอย่างมีให้ครบแล้ว ถ้าเงินเหลือ “ซื้อ” จบ.....
...วิวแบบนี้มีเงินก็ซื้อไม่ได้...
นอกจากวิวหลักล้านของดอยสกาดแล้ว เราก็ยังต้องหาสิ่งที่มาชดเชยความเหนื่อยล้าด้วยกาแฟที่เป็นของขึ้นชื่อของที่นี่ เราออกเดินทางไปตามหา “ร้านกาแฟบ้านไทลื้อ” ของร้านลำดวนผ้าทอ ซึ่งเป็นร้านขายของที่ระลึกและผ้าทอไทลื้อ ผ้าลายโบราณ นับว่าเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของอำเภอนี้ สำหรับร้านกาแฟบรรยากาศ เก๋ ไก๋ ติดริมนาข้าว แฝงไปด้วยบรรยากาศแบบไทลื้อดั้งเดิม เมื่อได้เห็นต้องร้องว้าวน่าซื้อเครื่องดื่มซักแก้ว ไปนั่งเล่น นอนเล่น รับลมเย็น มองดูวิวนาข้าวและขุนเขาที่อยู่เบื้องหน้า พร้อมถ่ายภาพเช็คอินแบบ เกร๋ๆ ไปนั่งชิลที่กระท่อมปลายนาในแบบฉบับที่ไม่เหมือนใคร มุมนั่งดื่มกาแฟเป็นกระท่อมมุงด้วยหลังคาจาก ตั้งอยู่ริมนาข้าวเห็นวิวภูเขา สามารถเลือกนั่งพักผ่อนตามใจชอบ อยากนั่งตรงไหน ก็จัดไปได้เลยมีหลายหลังให้เลือก บรรยากาศในช่วงเดือนพ.ย. นาข้าวเป็นสีทอง จิบกาแฟไปมองวิวท้องนาโอบล้อมด้วยภูเขาที่อยู่เบื้องหน้า บรรยากาศสบาย มีลมเย็นพัดมาตลอด ผ่อนคลายมาก วิวแบบนี้ เพลินแบบนี้ มีตังค์ก็ใช่ว่าจะซื้อได้นะครับ ส่วนรสชาติของกาแฟ กลางๆ ไม่โดดเด่น หน้าตาคนชงเหมือนยังไม่ตื่น รสชาติเลยเหมือนหน้าตาคนชง ...
...เมล็ดกาแฟปลูกที่นี่ รสชาติดี เข้มข้น...
...นั่งชิลริมนาข้าว แฝงไปด้วยบรรยากาศแบบไทลื้อดั้งเดิม...
...สะพานไม่ไผ่ โลเคชั่นถ่ายรูปสุดชิค...
สายๆ แดดเริ่มออก เราก็หิวข้าวแล้วซิ ... ไปกินไรดี เสียงคุณนายแว่วมาบอกว่า มาถึงนี่แล้วต้องไปลอง “ฟาร์มเห็ดบ้านหัวน้ำ” ไหนๆ มาถึงอำเภอปัว จังหวัดน่าน แล้วก็ต้องแวะมาลิ้มลองชาติเมนูสารพัดเห็ดของที่นี่ สำหรับร้านนี้เปิดเป็นร้านอาหารวิวสวยปัง แถมอากาศก็ดี๊ดี นั่งทานอาหารอร่อยชมวิวทุ่งนาทุ่งหญ้าสีเขียว นอกจากเมนูอาหารปรุงจากเห็ดสุดพรีเมี่ยมแล้ว ที่สำคัญทุกเมนูไม่ใส่ผงชูรส เค้ายังมีคาเฟ่ที่เสิร์ฟสารพัดเมนูอร่อยทั้งกาแฟ โกโก้ น้ำผึ้งมะนาว และอีกสารพัด อิ่มครบจบในที่เดียว
...บรรยากาศแบบนี้ สุดฟินเวลากินข้าว...
หิวจัด ไม่มียั้ง สั่งไป 4 เมนู จานแรก ผัดฉ่าเห็ด รสเด็ด ร้องว้าว รสชาติเผ็ด กลมกล่อม จานที่ 2 ยำเห็ดสามสหาย อันนี้เปรี้ยวนำ เผ็ดตาม กรุบๆกับเห็ดหลากหลาย จานที่ 3 ไข่เจียวเห็ด อย่าคิดว่าเป็นอาหารสิ้นคิด เพราะไข่เจียวเห็ดที่นี่เด็ด ทอดแบบกรอบนอกนุ่มใน ไม่มีน้ำมันเยิ้มๆ ที่สำคัญหอม กินกับข้าวสวยร้อน ฟินมากขอบอก จานที่ 4 มาภูเขาต้องกินปลา ปลาทับทิมทอด จานนี้คุณนายคิดไรไม่ออก อยากกินก็เลยสั่ง สั้นๆง่ายๆ ก็อยากกินอ่ะ เอาที่สบายใจคะ
...ผัดฉ่าเห็ด รสเด็ด ร้องว้าวเมื่อตักเข้าปาก...
...ยำเห็ดสามสหาย กรุบๆกับเห็ดหลากหลาย...
...ไข่เจียวเห็ด กรอบนอกนุ่มใน กินกับข้าวสวยร้อนๆ ฟินมากขอบอก...
...ปลาทับทิมทอด กินปลาแล้วจะฉลาด คุณนายว่างั้น...
อิ่มฟินไปเรียบร้อย ง่วงเลยบอกจริมๆ ครบที่อยากไปละ กลับที่พักไปนอนดีกว่า Go … To … PX122 กันเลยยยย ขับเจ้า RAPTOR มาแบบเพลินๆ พอเข้าเมืองน่านเท่านั้นแหละ โอ้โห ... ลำบากกับการกะระยะขึ้นมาทันที เพราะตัวรถที่มีขนาดใหญ่มาก ความกว้างของตัวรถ 2 เมตรกว่า ยาว 5.4 เมตร สำหรับการใช้งานทั่วไปในถนนเมืองไทย โดยเฉพาะการเข้าเมืองขนาดเล็ก และมีรถสัญจรมากมาย บอกเลยคิดให้ดี หนักกว่าเดิมเมื่อเลี้ยวเข้าซอยโรงแรม ที่เป็นแบบ 1 เลนแคบๆ มองไปข้างหน้า ... คุณลุงขี่มอไซกำลังจะสวนออกมาแล้ว ต้องรีบเปิดไฟสูง เปิดกระจก พร้อมโบกไม้โบกมือบอกลุงว่า ขอผมผ่านไปก่อนนะ ลุงมองแบบงงๆ ว่า รถอะไรว๊ะ ... ใหญ่จัง ตอนขับผ่านเลยบอกลุงว่า “ขอโทษด้วยนะครับลุง รถผมมันคันใหญ่” ลุงตอบมาแบบยิ้มๆ ใจเย็นตามสไตล์ชาวเหนือว่า “ไม่เป็นไร ใหญ่จังเนอะ 555” เลี้ยวซอกแซกอีก 3 ที ถึงโรงแรม โชคดีที่พวงมาลัยเบา และคุมง่าย ช่วยเรื่องการเลี้ยว และถอยเข้าจอดได้ง่าย แถมมีกล้องมองหลัง ยิ่งง่ายใหญ่
...จอดหน้าโรงแรม คันอื่นเข้าลำบากทันที555...
PX122 เป็นโรงแรมที่ตั้งอยู่ในตัวเมืองน่าน เรียกว่าเดินทางสะดวกเพียงตั้ง GPS ก็มาถึงได้ง่ายๆ แถมยังอยู่ใกล้ที่ท่องเที่ยวสำคัญอย่าง จุดสังเกตโรงแรมง่ายๆ ถ้าเห็นศูนย์โอทอปมิ่งเมือง แสดงว่ามาถึงโรงแรมแล้ว เดินเข้ามาในอาคารได้เลย ส่วนลานจอดรถเข้าซอยด้านข้างศูนย์โอทอปมิ่งเมือง ได้เลย
PX122 ออกแบบสไตล์ loft โครงเหล็กสีดำตัดกับกำแพงอิฐส้มแดง ตรงห้องโถงลอบบี้วางชุดรับแขกไม้กับโต๊ะกลางที่เป็นหีบโบราณ ที่พื้นตกแต่งด้วยกระเบื้องลายกราฟฟิค ช่วยให้บรรยากาศดูคลาสสิคขึ้นอีกเยอะ ถัดออกไปทางประตูอีกด้านหนึ่งถือเป็นจุดยอดฮิตของที่นี่เลยก็ว่าได้ เมื่อใครมาถึงก็ต้องมาถ่ายรูปคู่กับป้ายชื่อโรงแรมสีทองตัดกับอิฐแดง ด้านบนมีแชนเดอเรียสีดำ เข้ากันกับโครงเหล็กที่อยู่รอบๆ งานนี้บอกเลยแค่ยืนนิ่งๆหน้าป้ายก็ได้รูปสุดชิคแล้ว
...ยืนนิ่งหน้าป้ายก็ได้รูปสุดชิค...
...เตียงใหญ่สะใจ ตีลังกานอนยังได้...
...มุมชิล นั่งกินกาแฟยามเย็น...
น้องหน้าเคาท์เตอร์เล่าให้เราฟังว่าว่า โรงแรมนี้รีโนเวทมาจากโรงเก็บยาสูบเดิม ตั้งแต่ปี พ.ศ.2492 ต่อมาก็ถูกพัฒนาเป็นโรงหนัง และกลายเป็นโรงแรมจนถึงทุกวันนี้ โดยเค้าใช้โครงสร้างเดิมทั้งหมด แต่ปรับปรุงมาเรื่อยๆ ที่นี่จึงยังคงความคลาสสิคตามแบบฉบับโรงเก็บใบยาสูบแบบเดิม โรงแรมนี้มีห้องทั้งหมด 10 ห้อง ตกแต่งไม่ซ้ำกันเลยซักห้อง ทุกอย่างคือเพอร์เฟคมากกก มาลองพักซักคืนรับรองว่าจะฟินจนไม่อยากกลับแน่นอน
เก็บของเข้าห้องเสร็จก็ออกมาเดินเล่นที่ถนนคนเดินที่คนแถวนี้เค้าเรียกกันว่า “ถนนคนเดินกาดข่วงเมืองน่าน” หาง่ายอยู่ตรงถนนผากองด้านข้างวัดภูมินทร์ เดินเล่นเพลินๆ เพื่อสัมผัสถึงกลิ่นอายวัฒนธรรมของคนเมืองน่าน นั่งกินข้าวอาหารบนขันโตกพื้นเมือง ชมการแสดงทางวัฒนธรรม และจะมีการจำหน่ายสินค้า อาหารพื้นเมือง เสื้อผ้าพื้นเมืองของที่ระลึก ไว้ให้นักท่องเที่ยวเข้ามาลองชิมและเลือกซื้อของฝากกลับบ้าน ของกินที่ได้รับการตอบรับดีส่วนมากจะเป็นอาหารพื้นเมือง อาทิ น้ำพริกอ่อง ใส้อั่ว ไกยี แกงฮังเล และแกงแค ส่วนเสื้อผ้าและของที่ระลึกส่วนมากจะเป็นเสื้อผ้าฝ้ายสีดำ สีขาว สิ้นค้าทำมือที่ทำมาจากผ้าฝ้ายก็ได้รับการตอบรับอย่างดีเช่นเดียวกัน ในขณะที่ถนนคนเดินกาดข่วงเมืองน่านแห่งนี้รณรงค์ให้เป็นถนนคนเดินปลอดโฟม เพื่อสิ่งแวดล้อม 100% อีกด้วย อันนี้ชอบเลย เพราะเป็นถนนคนเดินที่สะอาดมาก
...ถนนคนเดินกาดข่วงเมืองน่าน...
...ไข่เจียวกระทง ใส่เห็ดด้วย ของแปลก อร่อยใช้ได้เลย...
...ข้าวต้มมัดไส้กล้วย...
...ข้าวผัดไส้อั่ว หอมหวล รสชาติเผ็ดนิดๆ เสริฟพร้อมผักสด...
เดินกันถึง 3 ทุ่ม ง่วงฝุดๆ พลังในร่างกายหมดพอดี สำหรับวันนี้ง่วงแล้ว ขอไปนอนชาร์จพลังก่อนนะ ติดเอาไว้ก่อนกับ “Cocoa Valley Cafe” แล้วก็ “จ๊างน่าน” นะจ๊ะ โปรดติดตามตอนต่อไปนะ รับรอง ฟินเวอร์
...ขอบคุณฟอร์ด สำหรับไดโนเสาร์ RAPTOR พาไปเที่ยวได้ทุกที่จริงๆ...