ไปต่อแบบช้าๆ ที่จังหวัดน่าน

... ไดโนเสาร์ พาไปทุกที่ ...
ตอนที่แล้วยังเล่าไม่จบ ยังเหลืออีก 2 ที่ ไปมาแล้วติดใจมาก เพลินๆ สบาย และปลดปล่อย ที่แรกยังคงอยู่ที่ อำเภอ ปัว ที่เลือกที่นี่เพราะส่วนตัวเป็นคนชอบสไตล์ LOFT อยู่แล้ว มาเจอที่นี่เลยชอบเป็นพิเศษ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งคอช็อกโกแลตต้องห้ามพลาดที่นี่เลย ร้านกาแฟใน Cocoa Valley รีสอร์ท ที่เค้าบอกว่าเป็นคาเฟ่ที่เดียวในประเทศไทยที่ใช้ช็อกโกแลตแท้ 100% มาทำขนมและเครื่องดื่มเลยนะจะบอกให้

Cocoa Valley Resort คือที่พัก และ คาเฟ่สไตล์ LOFT ที่มีกลิ่นอายความเป็นพื้นถิ่นจากวัสดุธรรมชาติ ออกแบบโดย Eco Architect ที่ใช้แนวคิด “เข้าถึงธรรมชาติ” โดยเลือกใช้ปูนเปลือย และโครงสร้างเหล็ก ที่มีเส้นสายเบาบางเป็นองค์ประกอบหลัก เลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ลายไม้สีอ่อน เพื่อความอบอุ่น ประวัติของที่นี่ดีนะ น่าสนใจ ได้มีโอกาสทราบประวัติของคุณมนูญเจ้าของทีนี่ แกเคยทำงานบริษัทแท่นขุดเจาะน้ำมันสัญชาติอเมริกา หลังจากทำงานมา 16 ปี ก็ตั้งคำถามกับตัวเองว่า ชีวิตของเขามีความหมายแค่นี้เองเหรอ มันหาคำตอบที่ชัดเจนและความสุขสูงสุดของชีวิตไม่เจอ แกเลยจึงตัดสินใจลาออกจากงาน พร้อมกับพาครอบครัวกลับมาอยู่บ้านเกิดตัวเองที่อำเภอปัว หลังจากดนั้นก็เริ่มรีโนเวตธุรกิจรีสอร์ตเก่าของที่บ้าน บวกกับการที่เป็นคนชอบกินโกโก้มาก เลยเอาสองสิ่งนี้มารวมกันเป็นจุดเริ่มต้นของ Cocoa Valley Resort และ Cocoa Valley Cafe....

... โกโก้แท้ๆ ที่ปลูกที่จังหวัด น่าน ...
ในส่วนของโกโก้ คุณมนูญบอกว่าคนโดยส่วนใหญ่ชอบคิดกันว่าการกินช็อกโกแลตทำให้อ้วน จริงๆ ไขมันโกโก้มันมีประโยชน์มากเลยนะ เพราะเป็นไขมันดี การได้กินโกโก้แท้ๆ ร่างกายของเราจะเผาผลาญมันได้ง่ายมาก คนทั่วไปอาจไม่ค่อยรู้ว่าการแปรรูปเมล็ดโกโก้คือการสกัดไขมันโกโก้ออกเพราะส่วนนี้ขายได้ราคาแพงที่สุด แล้วเอาส่วนที่เหลือหรือกากมาทำเป็นผงโกโก้ขาย ดังนั้นช็อกโกแลตที่เรากินในท้องตลาดก็คือผงโกโก้ที่ผสมกับน้ำมันราคาถูก อย่างน้ำมันปาล์มหรือไขมันจากพืชชนิดอื่นเพื่อลดต้นทุน กลายเป็นว่าให้โทษกับร่างกายคนกินแทน เราเลยตั้งใจไว้ว่าโกโก้ที่ใช้ในเมนูของร้านเราจะไม่ดึงไขมันแท้ๆ ของเขาออกไปเลยแม้แต่นิดเดียว

... ภานในร้านดูอบอุ่น โปร่ง โล่ง สบาย...

... ชิลไปกับบรรยากาศ ...
ที่นี่เสิร์ฟเครื่องดื่มโกโก้หลายระดับความเข้มข้นทั้งเมนูร้อนและเย็น รวมทั้งเมนูกาแฟอย่างมอคค่าที่ใช้โกโก้แท้เป็นส่วนผสม มอคค่าของที่นี่จึงมีบอดี้ที่ค่อนข้างหนักแน่น แต่ให้ความมันและรสชาติอร่อยกลมกล่อมมากๆ สิ่งที่ขาดไม่ได้คือเมนูขนมหวานไม่ว่าจะเป็นเค้กช็อกโกแลตลาวาเยิ้มๆ ที่โดนไปแล้วต้องหลับตาเพื่อละเมียดความอร่อยให้เต็มที่ โกโก้ฟองดู บราวนี่เนื้อแน่นรสเข้ม ช็อกโกแลตโดมเมนูสนุกของเด็กๆ และช็อกโกแลตอีกหลากหลายที่ทำให้เราได้สัมผัสรสช็อกโกแลตแท้ๆ แบบเต็มคำ นอกจากได้ทานขนมเครื่องดื่มรสชาติดีแถมราคาไม่แพง คือราคาดีงามหลับสิบแล้ว เค้ายังมี Workshop ทำช็อกโกแลตบาร์ และมีช็อกโกแลตแท้ๆขาย (ช็อกโกแลตไม่มีส่วนผสมไขมันเทียม) และมี Workshop ทำสบู่ด้วย น่าสนุกมากมาย แต่อยากไปต่ออีกที่ เลยตัดสินใจไม่ทำสบู่ดีกว่า

... ช็อกโกแลตลาวาเยิ้มๆ ที่โดนไปแล้วต้องหลับตาเพื่อละเมียดความอร่อยให้เต็มที่ ...
ที่จริงมาเที่ยวน่านคราวนี้ เราอยากไปสัมผัสวิถีคนเมืองสองแผ่นดิน ที่ อำเภอ เวียงสา นะ ... เพราะเท่าที่อ่านมา เวียงสา เป็นเมืองสองแผ่นดินเพราะในสมัยก่อนนั้น น่านยังเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับหลวงพระบางอยู่ ต่อมาถึงจะเปลี่ยนมาเป็นไทย และมาเป็นจังหวัดน่าน ผ่านเข้ามาในตัวอำเภอเวียงสา ก้อต้องผ่าน “วัดบุญยืน” ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่อายุกว่า 200 ปี สร้างโดยเจ้าผู้ครองนครน่านองค์ที่ 56 ครั้งเสด็จมาที่เวียงสา ถือเป็นวัดที่ใหญ่ที่สุดในเวียงสาและมีประวัติสำคัญต่อจังหวัดน่านอีกด้วย วัดบุญยืนเป็นวัดที่มีสถาปัตยกรรมตามแบบล้านนาตะวันออก ภายในวัดก็มีสิ่งสำคัญภายในวัดมากมายเริ่มที่พระประธานในวิหารเป็นพระพุทธรูปปางประทับยืนและ บานประตูไม้สักแกะสลัก 3 ชั้น ที่มีเพียงแค่ 2 แห่งในประเทศไทยเท่านั้น

... พระประธานในวิหารสถาปัตยกรรมตามแบบล้านนาตะวันออก ...

... บานประตูไม้สักแกะสลัก 3 ชั้น ที่มีเพียงแค่ 2 แห่งในประเทศไทยเท่านั้น ...
“ถ้าออกมาจากวัด พี่เลี้ยวซ้าย เดินมาไม่ไกล ร้านจะอยู่ริมถนนซ้ายมือเลยครับพี่” เพื่อนรุ่นน้องบอกทางไปร้านกาแฟ สุดเจ๋ง ที่ซ่อนตัวอยู่ในอำเภอนี้ เราเดินมาตามที่น้องบอก ก็มองเห็นง่ายๆ ตามสไตล์ร้านกาแฟชิลๆ “จ๊างน่าน” เป็นร้านกาแฟที่ตั้งอยู่ในบ้านตึกแถวไม้เก่าขนาด 3 คูหา ซึ่งเคยเป็นอู่รถเมล์ของครอบครัวนี้มาก่อน ปัจจุบันได้รับการปรับปรุงให้เป็นร้านค้า ร้านกาแฟ และแกลเลอรี่ที่ชั้นสอง การตกแต่งเน้นบรรยากาศสบายๆ ในกลิ่นอายแบบเรียบง่าย มีรถเมล์เก่าซึ่งเคยวิ่งระหว่างแพร่กับเวียงสาจอดไว้เป็นพื้นที่นั่งดื่มกาแฟภายนอกได้อีกด้วย แต่บอกเลยว่าแม้จะดูสบายๆ แต่กาแฟที่นี่เรียกได้ว่ามีความจริงจัง และโดดเด่นด้วยรสชาติของกาแฟ ไม่ว่าจะเป็นกาแฟดริปจากหลากหลายแหล่งปลูก เมนูเอสเปรซโซที่ดีเริ่ด มาตรฐานสูง หรือจะเป็นกาแฟสกัดเย็น แบบ Nitro Cold Brew ก็มีเช่นกัน น้องหยก และน้องกุ้ง เจ้าของ เป็นผู้ชงและเสิร์ฟเองทุกเมนู ทำให้ได้ทั้งคุณภาพกาแฟที่ดีและบรรยากาศที่ครื้นเครงเป็นกันเอง คอนเฟิมว่า 2 คนนี้คุยเก่งมาก และยังเป็นโปรทางด้านของกาแฟอย่างชัดเจน ที่บอกแบบนี้เพราะทั้ง 2 คนนี้ได้ร่วมงานกับ เคเล็บ จอร์แดน นักพัฒนากาแฟแห่งสวน Gem Forest ณ ดอยมณีพฤกษ์ เพื่อนำเสนอกาแฟไทยคุณภาพสูงแก่ตลาด กาแฟเหล่านี้เป็นผลผลิตพื้นถิ่นในจังหวัดน่าน กาแฟที่นี่จึงเป็นตัวเลือกใหม่ของเกษตรกร นอกเหนือจากข้าวโพดหรือพืชไร่อื่นๆ และเป็นทางเลือกของพืชเศรฐกิจที่ปลูกร่วมกับไม้ใหญ่ได้


... เรียบง่าย แต่มีเสน่ห์ ...

... ผสมผสาน อย่างลงตัว ...

...เร้าอารมณ์ทางด้านกลิ่นและรสชาติของกาแฟมากมาย ...
แก้วที่จัดมาลองก็เป็น เอสเปรสโซ่ ร้อน เพิ่มช็อต เพื่อความสะใจ พอน้องหยกวางแก้วลงตรงหน้า กลิ่นจากการคั่วแบบเข้ม ที่ส่งผลให้กลิ่นหอมดุดัน ผ่านพลังของแรงดันจากน้ำที่กำลังเดือดพุ่ง แทรกเข้าไปในตัวกาแฟที่บดละเอียดอย่างรวดเร็วและรุนแรงจนได้เป็นน้ำกาแฟดำชนิดเข้มข้นแท้ๆ ที่ไม่ผสมอะไรเพิ่มเติมทั้งสิ้น จิบแรกที่สัมผัส ตอบสนองความอยากกาแฟได้แบบหมดจด ไร้ข้อกังขา รสชาติออกไปในแนวทางเข้ม ตามแนวทางของเรา อาจจะได้คาเฟอีนน้อยหน่อย แต่เร้าอารมณ์ทางด้านกลิ่นและรสชาติของกาแฟมากมาย


... ชีวิตที่เคลื่อนที่ต่อไป ...
ขากลับ ขับรถไปแบบเพลินๆ นึกถึงทุกอย่างที่ได้สัมผัสในทริปนี้ ทั้งเรื่องของวิถีชีวิต ความสวยงาม อาหารอร่อย กาแฟดีเริ่ด ที่สำคัญคือธรรมชาติที่ช่วยเพิ่มพลังให้กับเราตลอด 4 วัน มาน่านทริปนี้ คุ้มค่าและได้อะไรมากกว่าหลายๆ ครั้งที่ผ่านมา คิดเอาไว้ว่าจะมาอีก เพราะยังมีอีกหลายที่และหลายเส้นทางที่เราอยากไป เดินทางต่อไปเรื่อยๆ ชื่นชมทุกอย่างไปเรื่อยๆ ในวันที่ยังมีแรง และมีพลัง ขอบคุณประเทศไทย ....
... ขอบคุณฟอร์ด สำหรับไดโนเสาร์ RAPTOR ...