ในที่สุดก็มาถึงพระราชวังที่เป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ที่เราไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง นั่นก็คือ พระราชวังแวร์ซาย นั่นเอง

• คุณนายแม่ ที่ทางเข้าหลักของวัง
พระราชวังแวร์ซาย ตั้งอยู่ที่เมืองแวร์ซาย หากจากกรุงปารีสเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เดิมเมืองแวร์ซายเป็นเพียงเมืองเล็กๆ แห่งหนึ่ง มีผู้คนอาศัยอยู่เบาบาง

• โคมไฟระย้าที่ห้องรับรอง
จนกระทั่ง พระเจ้าหลุยส์ที่ 13 ทรงเห็นว่าตำบลแวร์ซายน่าจะเหมาะแก่การประทับเพื่อล่าสัตว์ จึงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระตำหนักขึ้นมา ซึ่งก็เป็นเพียงกระท่อมเล็กๆ สำหรับพักชั่วคราวเท่านั้น

• แบบจำลองให้เห็นถึงขนาดของวัง
จนมาถึงยุคสมัยของ พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 มีประสงค์ที่จะสร้างพระราชวังแห่งใหม่ เพื่อเป็นศูนย์กลางในการปกครองของพระองค์ จึงเริ่มปรับปรุงพระตำหนักเดิม โดยการก่อสร้างครั้งนี้ ใช้เงินทั้งหมด 500,000,000 ฟรังก์ คนงาน 30,000 คน และใช้เวลาในการก่อสร้างอยู่ถึง 30 ปี

• ภาพวาดบนเพดาน ส่วนใหญ่จะเป็นภาพของพระเจ้า
หลายคนคงมีคำถามว่าไอเงิน ห้าร้อยล้านฟรังก์เนี่ย มันมาจากไหน ซึ่งนอกจากการค้าขายกับชาติอื่นแล้วก็มาจากภาษีของประชาชนเนี่ยแหละครับ

• หินอ่อนซึ่งเป็นของเดิมๆ

• จุดเด่นภายในราชวังก็เห็นจะเป็นภาพวาดเนี่ยแหละ

• มีแต่ภาพอลังการ
ประชาชนต้องอยู่อย่างอดอยาก จนถึงขนาดว่ามีเรื่องเล่าว่า ในขณะที่ประชาชนกำลังอดอยากสุดๆ ไม่มีแม้แต่ขนมปังจะกิน พระนางมารี อองตัวเน็ตต์ Marie Antoinette ซึ่งเป็นพระชายาของพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ก็ตรัสออกมาว่า “งั้นก็กินเค้กสิ” (อันที่จริงก็ยังไม่มีหลักฐานที่มายืนยันได้ 100% ว่าพระนางได้ตรัสออกมาจริงไหม)

• ผลงานแกะสลัก มีหลากหลาย

• คุณนายแม่ กับงานแกะสลักอันวิจิตร
แน่นอนว่ามันก็สร้างความโกรธแค้นให้ประชาชนอยู่แล้ว ในที่สุดก็เกิดเหตุการณ์ การปฏิวัติฝรั่งเศส ได้มีกองทัพประชาชนและผู้ประท้วงบุกเข้าพระราชวังเพื่อตามหาพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 แห่งฝรั่งเศส กับพระนางมารี อองตัวเน็ตต์

• รูปของพระเจ้าหลุยส์
เหล่าเชื้อพระวงศ์ต้องย้ายไปพำนักที่พระราชวังตุยเลอรีส์ ถ้าจะให้ตีความกันง่ายๆก็คือ หลุยส์ที่ 14 สร้าง 15 อยู่ ส่วน 16 นี่ซวยหน่อย เพราะต้องมาชดใช้กรรมทั้งหมด

• มองออกไปด้านนอกพระราชวัง
จบไปสำหรับช่วง “สาระมีอยู่จริง” ถึงตอนนี้ก็จะได้เริ่มพาทัวร์พระราชวังแล้ว โดยจากที่ได้ฟังบรรยายมาเนี่ย ภายในพระราชวังแวร์ซายจะมีทั้งหมด 700 ห้อง ภาพวาด 6,123 ภาพ และงานแกะสลักทั้งหมด 15,034 ชิ้น ไม่รู้จะใหญ่โตไปไหนกัน

• รูปปั้นพระเจ้าหลุยส์ที่มีลักษณะคล้ายเฮอคิวลิส

• ภาพวาดต่างๆในวัง
ห้องแรกที่เราจะได้ก้าวเท้าเข้ามาเหยียบเลยนี่คือห้องรับรองแขกบ้านแขกเมือง ที่เวลามาเข้าเฝ้าก็จะต้องผ่านห้องนี้ก่อน โดยห้องนี้มีลักษณะเป็นโถงบันไดมากกว่า โดยจะมี แชนเดอเลียร์ (โคมระย้า) ขนาดใหญ่ห้อยอยู่กลางห้อง ส่วนของพื้นและบันไดทำจากหินอ่อนทั้งหมด ซึ่งก็ทำให้ดูหรูหรามากทีเดียว

• พระเจ้าหลุยส์ที่ 14

• แชนเดอเลียร์แบบยุโรป
ส่วนห้องอื่นๆก็จะมีลักษณะคล้ายๆกัน คือมีภาพวาดอยู่เต็มไปหมด ระหว่างทางก็จะมีผ่านห้องนอนของพระเจ้าหลุยส์ มีรูปวาดทางประวัติศาสตร์มากมาย ไม่เว้นแม้แต่บนเพดาน

• สวนแวร์ซายอันเลื่องชื่อ
รูปวาดบนเพดานเนี่ย ที่นี่ก็ไม่ได้เหมือนที่อื่นๆเลยนะ เพราะบนเพดานรูปส่วนใหญ่จะเป็นรูปพระเจ้าหลุยส์หรือที่เกี่ยวกับพระองค์หมดเลย ซึ่งในยุคนั้นเนี่ย รูปที่จะอยู่บนเพดานเขาจะสงวนไว้ให้พระเจ้าเท่านั้น

• ห้องกระจก ชมวิวด้านนอกได้
การที่พระเจ้าหลุยส์ให้วาดรูปตัวเองไว้บนเพดานนั้นมีเหตุผล นั่นคือพระองค์เนี่ยอยากให้คนจดจำท่านได้ รูปบางส่วนจึงเป็นเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจของพระองค์

• นักท่องเที่ยว เดินตามๆกันไป
มาถึงส่วนที่เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญของงานนั่นก็คือ ห้องกระจก หรือถ้าภาษาฝรั่งเศสก็ Galerie des Glaces นั่นเอง ห้องนี้เป็นห้องที่มีชื่อเสียงมากที่สุดซึ่งเคยใช้เป็นห้องลงนามในสัญญาสงบศึกระหว่างสัมพันธมิตรกับจักรวรรดิเยอรมัน ในสงครามโลกครั้งที่ 1 และใช้เป็นที่ลงนามเมื่อครั้งเยอรมนีบุกตีชนะฝรั่งเศสในสงครามโลกครั้งที่ 2 อีกด้วย

• โกษาปาน เข้าเฝ้าพระเจ้าหลุยส์
ห้องกระจกนี้พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ทรงทำการก่อสร้างเอง ภายในห้องประกอบด้วยกระจกยักษ์ 17 บาน เปิดออกแล้วจะเห็นสวนแวร์ซายสวนประจำวังนั่นเอง แล้วไอการที่เป็นห้องกระจกมันโดดเด่นยังไงหละ มันก็แค่กระจกไม่ใช่หรอ?

• เครื่องเงินของจริงที่ไทยนำมาถวาย
ใช่แล้วมันก็คือห้องกระจกธรรมดาๆเนี่ยแหละ แต่หากย้อนกลับไปสมัยก่อน กระจกไม่ใช่อะไรที่หาได้ง่ายๆแบบตอนนี้ สถานที่เดียวที่จะสามารถผลิตแก้วหรือกระจกได้นั่นคือ Venezia หรือ เวนิซ ประเทศอิตาลี กระจกจึงกลายเป็นของหายากราคาแพงไปโดยปริยาย

• ผู้คนมาจากหลายสารทิศ

• มองเห็นวิวสวนแวร์ซาย