มิงกะละบา เที่ยวพม่า 4 คืน 5 วัน Go Anywhere ไปกับนิสสัน

DAY 1-2 Mandalay – Inle Lake (299 KM) “พม่า” หรือ “เมียนมาร์” ประเทศบ้านใกล้เรือนเคียงติดกับประเทศไทย มีเมืองหลวงซึ่งได้เปลี่ยนเมืองหลวงพม่าจากย่างกุ้งที่เราคุ้นเคยเป็น “เนปยีดอ” หรือ เนปิดอว์ ซึ่งนั่นเป็นเรื่องของการปกครอง แต่ในแง่ของการท่องเที่ยว พม่าถือเป็นประเทศสุดป๊อปปูล่าแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่กำลังได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวมากถึงมากที่สุด ไม่แพ้ลาวหรือเวียดนามที่เป็นเพื่อนบ้านเรา เพราะด้วยความที่พม่าเพิ่งเปิดประเทศไม่นานและยังมีความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติค่อนข้างมาก

ทริปนี้เราโชคดีได้รับเชิญจากนิสสันประเทศไทย ให้ไปร่วมทดลองขับตัวลุยของนิสสัน 3 รุ่นคือ นาวาร่า เอ็กซ์เทรล และเทอร่า เราเดินทางกันทั้งหมดเป็นเวลา 11 วัน 10 คืน บนเส้นทางที่มีระยะทางรวมทั้งหมดกว่า 3,000 กม. ทั่วประเทศเมียนมาร์ ซึ่งกิจกรรมนี้จัดขึ้นด้วยแนวคิด “Nissan Intelligent Driving Experience (NIDE) Go Anywhere” ถือเป็นการผจญภัยอย่างไร้ขีดจำกัดในเมียนมาร์คือ ปรากฎการณ์ใหม่ของกิจกรรมทดสอบขับขี่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และยังเป็นครั้งแรกที่เป็นการเดินทางแบบคาราวานอย่างเป็นทางการจากภาคใต้ขึ้นสู่ภาคเหนือของประเทศเมียนมาร์ แบบที่ยังไม่เคยมีใครทำมาก่อน โดยกลุ่มแรกเริ่มต้นจาก จังหวัดกาญจนบุรี สู่ด่านพรมแดน ณ บ้านพุน้ำร้อนก่อนจะมุ่งหน้าสู่เมืองทวายและเดินทางต่อไปยังนครย่างกุ้ง ขณะที่กลุ่มที่สองรับไม้ต่อจากนครย่างกุ้งสู่มัณฑะเลย์ เมื่อออกจากมัณฑะเลย์คาราวานทดสอบขับขี่กลุ่มที่สาม เดินทางไต่ขึ้นสู่เขตเทือกเขาสูงไปจบที่เมืองเชียงตุง ก่อนมุ่งหน้ากลับสู่ประเทศไทย ทางด่านแม่สาย จังหวัดเชียงราย

สำหรับทีมงาน 4x4 Special ได้รับเชิญไปในกลุ่ม 3 ใช้เวลาเดินทางตลอดทั้งทริป 5 วัน 4 คืน กับระยะทางกว่า 1,075 กิโลเมตร วันแรกของการเดินทางเราบินจากสนามบินสุวรรณภูมิไปลงที่สนามบินมัณฑะเลย์ ซึ่งเป็น 1 ใน 3 สนามบินนานาชาติของประเทศสาธารณรัฐแห่งสหภาพพม่า เปิดให้บริการในปี พ.ศ. 2542 ถือว่าป็นสนามบินที่ทันสมัยมากเลยทีเดียว เราใช้เวลาเดินทางมาถึงที่นี่ประมาณ 1 ชั่วโมงนิดหน่อย เมื่อลงเครื่องแล้วก็เหมือนปกติทั่วไปคือตรวจพาสปอร์ต และเช็คสัมภาระให้ครบ ขั้นตอนการเข้าประเทศที่สนามบินนี้ไม่ยุ่งยากซับซ้อน ตัวผู้เขียนใช้เวลาต่อแถวประมาณไม่เกิน 20 นาที ก็เรียบร้อย

เสร็จแล้วทางทีมงาน DRIVE OUT ของพี่โด่งก็นำรถมารอรับเรา ให้ขับเลยทันที ปรับตัวกันเล็กน้อยกับการขับชิดขวา แต่ไม่นานก็คุ้นเคย แต่ที่ไม่คุ้นเคยและคงไม่คุ้นเลยนั่นก็คือการใช้ไฟสูงของคนที่นี่ ซึ่งกลายเป็นเรื่องธรรมชาติในการขับรถของเค้า ซึ่งในอดีตพม่าใช้รถยนต์รูปแบบพวงมาลัยขวา และขับทางเลนซ้ายตามแบบของประเทศอังกฤษ แต่เมื่อได้รับเอกราชจากอังกฤษแล้ว พม่าก็เปลี่ยนรูปแบบการขับรถ โดยยังคงใช้พวงมาลัยขวา แต่เปลี่ยนมาเป็นการขับรถในเลนขวา ซึ่งต้องถือว่าแปลก แหวกแนว ไม่เหมือนกับรูปแบบของประเทศอื่นๆ ในโลก เท่ห์แบบไม่เหมือนใคร เรามาแวะกินข้าวเย็นกันที่ร้าน “ต้มยำกุ้ง” เป็นร้านอาหารไทยมที่มาเปิดบริการที่ย่างกุ้งเป็นสาขาแรก และมาเปิดที่ มัณฑะเลย์ เป็นสาขาที่สอง มีหลายท่านบอกว่าหลังจากนี้ต่อไปอีก 4 วัน เราจะไม่ค่อยเจออาหารไทยแล้ว อาหารไทยมื้อนี้เค้าบอกให้เรารีบกินตุนไว้เยอะๆ ครับ ขู่กันไว้ก่อนเลย แต่ผมไม่ค่อยเป็นกังวลเท่าไหร่ เพราะผมมีไข่เจียวกับน้ำพริกก็อยู่ได้แล้วครับ

*** ยังคงความสมบูรณ์ของศิลปแบบดั้งเดิม ***
กับข้าวที่ร้านนี้ต้องบอกว่าอร่อยใช้ได้เลยนะครับ ปลาทอดน้ำปลา รสชาติดี กินกับพริกน้ำปลารสชาติเด็ด ไข่เจียวหมูสับ อันนี้ของโปรดอยู่แล้ว อาจจะอมน้ำมันไปหน่อย แต่กินกับข้าวสวยร้อนๆ ราดด้วยพริกน้ำปลา และซอสพริกก็เอาอยู่ จานต่อมาเหมือนน้ำพริกหนุ่ม กินกับไข่ต้ม และผักลวก รสชาติเข้มข้นใช้ได้เลย จานสุดท้ายแกงป่าปลาแม่น้ำ ไม่แน่ใจจริงๆว่าปลาอะไร แต่ก้างเยอะมาก รสชาติถึงเครื่อง เผ็ดอร่อย ถือว่ามื้อนี้ผ่านหมดทุกเมนูครับ

*** ปลาทอดน้ำปลา รสชาติดี กินกับพริกน้ำปลารสชาติเด็ด ***

*** ไข่เจียวหมูสับ อันนี้ของโปรดอยู่แล้ว ***

*** จานต่อมาเหมือนน้ำพริกหนุ่ม กินกับไข่ต้ม และผักลวก รสชาติเข้มข้นใช้ได้เลย ***

*** แกงป่าปลาแม่น้ำ ไม่แน่ใจจริงๆว่าปลาอะไร แต่ก้างเยอะมาก ***
ก่อนจะแยกย้ายกันไปพักผ่อน เราก็ได้รับการกล่าวต้อนรับจาก มร. ราเมช นาราสิมัน ประธาน บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด และ มร. ปีเตอร์ แกลลี รองประธานสายงานสื่อสารองค์กร บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด และมีคุณชยภัค ลายสุวรรณ ผู้จัดการทั่วไปสายงานสื่อสารผลิตภัณฑ์ บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด มาบรรยายถึงจุดประสงค์ของกิจกรรมในครั้งนี้
เราตื่นเช้าในวันที่ 2 ของการเดินทาง อาบน้ำ แต่งตัว กินข้าวเช้าเรียบร้อย เราก็พร้อมออกเดินทาง วันแรกผมและเพื่อนสันติภพ จากมอเตอร์ทริเวีย ได้รับหน้าที่ให้นั่งหลังพวงมาลัยนาวาร่าแบล็คเอดิชั่น กับระยะทางวันแรกจิ๊บๆ 255 กิโลเมตร สำหรับนาวาร่าแบล็คเอดิชั่น 2019 ทางนิสสันจัดมาหใหม่ เน้นสมรรถนะและรูปลักษณ์ใหม่ที่โดดเด่น แต่ที่ชอบมากที่สุดก็คงจะเป็นระบบอินโฟเทนเมนท์ล่าสุดแบบ Alliance In-Vehicle Infotainment (A-IVI) ที่รองรับการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนผ่านแอปเปิลคาร์เพลย์และแอนดรอยด์ออโต้ สนุกเพลิดเพลินตลอดเส้นทาง

จุดหมายแรกของเราในวันนี้ก่อนออกนอกเมืองมัณฑะเลย์ ก็แวะไปไหว้พระที่วัดกุโสดอว์ เป็นวัดที่สร้างขึ้นพร้อมๆ กับการสร้างเมืองในปี พ.ศ. 2400 พี่กวางไกด์ท้องถิ่นบอกว่าที่นี่เป็นอนุสรณ์แห่งการสังคายนาพระไตรปิฎกครั้งที่ 4 พระเจ้ามินดง ทรงให้จารึกพระไตรปิฎก 84,000 พระธรรมขันธ์ ลงบนหินอ่อน 729 แผ่น ถือเป็นพระไตรปิฎกเล่มใหญ่ที่สุดในโลก และถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่มีการบันทึกพระไตรปิฎกเป็นภาษาบาลี และได้นำมาประดิษฐานในมณฑป อยู่รอบ “พระเจดีย์มหาโลกมารชิน” มีความสูง 30 เมตร ซึ่งจำลองรูปแบบมาจากพระมหาเจดีย์ชเวสิกองแห่งเมืองพุกามนั่นเอง

*** เจดีย์กุโสดอว์ ***

*** แป้ง“ทานาคา” ต้องมีทุกคน ***


ก่อนจะเข้าวัดจะมีสาวน้อยสาวใหญ่แปะแป้งทาหน้า ที่เรียกว่า “ทานาคา” มาขายดอกไม้พวงมาลัย เพื่อให้เราเข้าไปนมัสการสิ่งศักดิสิทธิ์ข้างในวัด ด้านในเมื่อเดินตรงเข้ามาจะเจอพระเจดีย์มหาโลกมารชิน ซึ่งจำลองรูปแบบมาจากพระมหาเจดีย์ชเวสิกองแห่งเมืองพุกามอย่างที่บอกไปตอนแรกครับ สวยงามจริงๆ ด้วยความสีทองขององค์เจดีย์ที่เปล่งประกาย น่าประทับใจมาก บรรยากาศของบริเวณวัดร่มรื่นด้วยต้นพิกุลมากมายเรียงรายกันอยู่โดยรอบ ในจำนวนนี้จะมีอยู่ต้นหนึ่งที่อายุเก่าแก่ที่สุดกว่า 250 ปีขนาดลำต้นใหญ่ประมาณ 10 คนโอบ กิ่งก้านสาขาก็ยื่นสยายร่มเงา จนต้องมีเสาค้ำไว้เป็นระยะๆ หากเดินเข้าไปจนสุดด้านในจะได้พบเจดีย์ที่จำลองแบบมาจากเจดีย์ชเวชิกองในพุกามด้วยไหว้พระเอาฤกษ์เอาชัยเสร็จเรียบร้อย เราก็ออกเดินทางต่อ มุดออกซอยเล็กๆ เจองานแต่งท้องถิ่น รถติดไปชิวๆ 20 กว่านาที จนต้องให้ จนท. ตำรวจที่นำขบวนมาเคลียให้ หลุดออกมาแล้วผ่านไฟแดงอีก เป็น 10 สภาพการจราจรที่นี่ชัดเจนมาก คือ ... กูจะไป กูจะเลี้ยว กูไม่สน เพราะฉะนั้นการขับรถในพม่าต้องระวังมากเป็นพิเศษ นอกจากต้องใช้สกีลในเรื่องของการขับขี่และ ยังต้องอกแนวโหด แบบกระบะคอกบ้านเราด้วย คือยัดคันเร่งเข้าไปเลยครับ อย่ายก ทิ่มหน้าเข้าไปเลย รถท้องถิ่นจะกลัวเอง ไม่กล้ามาแทรกในขบวน (ทำได้เฉพาะในพม่า อย่าเอากลับมาทำบ้านเรานะ ไม่งั้นโดนปืน)

*** มร. ราเมช นาราสิมัน ประธาน บริษัท และ มร. ปีเตอร์ แกลลี รองประธานสายงานสื่อสารองค์กร ***

ออกจากเมืองมัณฑะเลย์ มาเรียบร้อยสภาพเส้นทางก็สบายๆ ไม่โหดมากนัก ก็ประมาณต่างจังหวัดบ้านเรานี่แหละ เรามากันเป็นขบวนคาราวานยาวประมาณ 16 คัน แน่นอนเราจะต้องติดรถท้องถิ่นที่ขับช้า เวลาแซงต้องแซงให้ขาด แต่ไม่ต้องห่วงด้วยแรงม้า 163 แรงม้า และแรงบิด 403 นิวตัน-เมตร ที่ 2,000 รอบต่อนาที แถมด้วยเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด ของนาวาร่าแบล็คเอดิชั่น 2019 ใหม่ เลยทำให้การขับขี่ในวันนี้เป็นเรื่องง่าย และมั่นใจในทุกสถานการณ์
ขับมาสักพักเราก็มาแวะกินข้าวเที่ยงกันที่ร้านอาหาร Feel Express เป็นร้านอาหารจานด่วน บริเวณข้างทางหลวงจาก มัณฑะเลย์ ไป ทะเลสาบอินเล จะเป็นอาหารจานด่วนแบบอาหารตักราด จะราดข้าวไปเลยก็ได้ หรือจะสั่งเป็นจานๆ แยกไปก็ได้ จานแรกมาเสริฟเป็น ผัดพริกมะเขือ รสชาติจัดจ้าน เน้นความเผ็ด และความนุ่มของมะเขือ ต่อด้วยแกงปลา ลักษณะคล้ายๆ ต้มยำบ้านเรา แต่ออกไปทางใสๆ จืดๆ กว่า ปลาก็ยังก้างเยอะคงเส้นคงวาเหมือนเดิม จานที่สาม ผัดยอดฟักแม้ว จานนี้ชอบเลย รสชาติดี ใส่กระเทียมไปเยอะๆ อาจจะผัดจืดไปหน่อยแต่ก็ถือว่ารสชาติใช้ได้เลย คิดถึงข้าวต้มขึ้นมาทันทีเลยยยยย ต่อมาเป็นไก่ทอด ลักษณะไก่ทางพม่าจะกินกันแบบแห้งๆ แข็งๆ หน่อย เนื้อค่อนข้างเหนียว รสชาติใช้ได้แต่บ้านเราเข้มข้นกว่า สุดท้ายก็ไข่เจียวสไตล์พม่า แบบด้านๆ แผ่นบางมาก กินกับน้ำพริกตาแดงช่วยให้รสชาติดีขึ้นทันที

*** ผัดพริกมะเขือ รสชาติจัดจ้าน เน้นความเผ็ด***

*** แกงปลา ลักษณะคล้ายๆ ต้มยำบ้านเรา ***

*** ผัดฟักแม้ว ***

*** ไก่ทอดสูตรพม่า ***

*** ไข่เจียวบางกรอบ ***

*** ป๊อบคอร์น ของกินเล่นระหว่างทาง ***

*** ไข่นกกระทา ***

*** น้ำผึ้ง ถามผู้รู้แท้แน่นอน ***
กินข้าวเที่ยงเสร็จเราออกเดินทางต่อ เส้นทางช่วงบ่ายเป็นทางเขา ความร้อนเริ่มมากขึ้น อุณหภูมิเริ่มสูงขึ้น บนจนแสดงผลที่รถบอกว่าตอนนี้สาหัส 42 องศาแล้ว โชคดีที่นาวาร่าของเราแอร์เย็นสดชื่น ระบบทำความเย็น ตั้งแต่คอนเพรสเซอร์ แผงแอร์ ตู้แอร์ ท่อทางเดิน โบลว์เวอร์นี่รุนใหม่นะ ของเก่าตัวปี 09-15 โบล์วเวอร์ตัวเล็ก สร้างแรงลมได้ไม่สะใจ ตัวใหม่ให้ใหญ่มาเลย จัดมาเพื่อรองรับความร้อนได้สูงพอสมควร ขนาด 42 องศาข้างนอก ในห้องโดยสารไม่รู้สึกร้อนเลย สบายจริงๆ

ทางเขาแบบนี้หลายคนอาจจะคิดว่ารถกระบะไม่น่าจะขับได้เร็วนัก และน่าจะกระด้าง นั่งไม่สบาย แต่โดยส่วนตัวผมว่าสบายนะ อาจจะเป็นเพราะว่าช่วงล่างของนาวาร่าถูกปรับปรุงมาให้รองรับการใช้งานทั้งในเมืองและการเดินทางไกลได้เป็นอย่างดี น้ำหนักของแชสซีส์ใหม่บวกกับโครงสร้างใหม่ ทำให้มีน้ำหนักตัวลดลง 70 กิโลกรัมเมื่อเทียบกับ Navara รุ่นที่แล้ว

โครงสร้างแชสซีส์ที่รับแรงบิดได้เพิ่มมากขึ้น ระยะห่างจากพื้นถนนถึงใต้ท้องรถถูกปรับแก้ให้มีระยะเพิ่มขึ้น ในส่วนของเครื่องยนต์ เกียร์และเฟืองท้ายมีการวางตำแหน่งที่ต่ำลงกว่าเดิมเพื่อลดค่าจุดศูนย์ถ่วงของตัวรถ ซึ่งจะเรื่องของความมั่นคงในการขับขี่ที่เพิ่มขึ้น งานนี้ก็เลยใส่ได้เต็มที่ ขับสนุกในรูปแบบของความเป็นรถกระบะ

*** วิวแบบนี้ในบ้านเราคงหายากหน่อย ***

*** ทำทางกันตลอดเส้นทาง ***

*** ราดยางแบบแรงงานคนแบก ***
ลงเขามาแล้วเราก็มุ่งหน้าสู่ทะเลสาบอินเล เพื่อจบภารกิจวันแรก วันนี้เราเข้าพักที่ ฮูปิน อินเล ควง เดียง รีสอร์ท ระยะทางวันนี้ 255 กิโลเมตร ได้ครบทุกรสชาติในการเดินทางวันนี้ สนุกครับ ...




ยังไม่จบนะครับ ตอนหน้าพาท่านผู้อ่านไปเที่ยวทะเลสาบอินเล หมูบ้านดอกบัว มุ่งหน้าสู่บ้านน้ำจ๋างในรัฐฉาน ยังอีกหลายวัน ติดตามกันต่อนะครับ ...