ฟอร์ดเรนเจอร์ ลุย 3,000 โค้ง เพื่อพิชิตภารกิจสุดท้าทาย “Mission Possible”
ฟอร์ดประเทศไทยชวนไปลุย 3,000 โค้ง ในภารกิจ “Mission Possible” แถมด้วยการทำดี เพื่อชุมชนอันห่างไกล พัฒนาคุณภาพชีวิตให้ชุมชนเขตวัฒนธรรมพิเศษกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยง บ้านเลตองคุ อำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก งานนี้ไม่ไปไม่ได้แล้วครับ ของชอบเลย ขอบอก ...
ในวันแรกหลังจากเดินทางถึงอำเภอแม่สอดจังหวัดตาก ด้วยเครื่องบิน เราก็ต่อเนื่องด้วยฟอร์ดเรนเจอร์รุ่นไวล์ดแทรค เบอร์ 04 โดยภารกิจแรกคือ ไปรับเครื่องใช้จำเป็นสำหรับกิจกรรมที่จะเข้าไปร่วมพัฒนาชุมชนในเขตพื้นที่ทุรกันดาร ไม่ว่าจะเป็น อาหาร , แท้งก์น้ำ , เครื่องปั่นไฟ , โซลาร์เซลล์ และวัสดุก่อสร้างเพื่อใช้ในการบูรณะโรงเรียนและสถานที่สาธารณะในชุมชน รถเราคันเบอร์ 04 รับหน้าที่บรรทุกปูนซีเมนต์น้ำหนักประมาณ 500 กิโลกรัม ถอยหลังจากเทียบเสร็จเปิดฝาท้ายแบบผ่อนแรง Easy Lift Tailgate ช่วยลดการออกแรงและเพิ่มความสะดวกในการปิดเปิดฝาท้าย ขนของขึ้นเรียบร้อย เอาผ้าใบคลุมื พร้อมออกเดินทาง
ขบวนของเราออกเดินทางไปยังอำเภออุ้มผาง คันเบอร์ 04 รับน้ำหนักเพิ่มไปประมาณ 500 กิโลกรัม สิ่งที่รู้สึกได้คือช่วงล่าง และการรองรับการบรรทุกหนักที่ดีจากโครงสร้างพิเศษที่เชื่อมต่อด้วย Ford Smart Mount ช่วยกระจายน้ำหนักไปทั่วท้ายกระบะ ขับไปซักพักฝนเริ่มตกหนักมากขึ้น สภาพเส้นทางที่โค้งเยอะ และน้ำหนักบรรทุกด้านหลัง เริ่มส่งผลกับการควบคุมรถเวลาเข้าโค้ง เราก็เลยปรับระบบขับเคลื่อนเป็น 4H แถมมีระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวอีกด้วย เลยช่วยให้เราผ่าน 1,219 โค้ง ตลอดเส้นทางกว่า 170 กิโลเมตร ไปสู่จุดหมายปลายทางของวันนี้ที่อำเภออุ้มผางได้อย่างง่ายดาย สะดวกสบาย และปลอดภัย ...
มาแล้วครึ่งทาง อีกไม่ไกลแล้ว
เราเดินทางถึงอุ้มผางในช่วงเย็น เข้าที่พัก อาบน้ำ กินข้าวเย็น พร้อมรับฟังบรีฟเส้นทางของวันที่ 2 ซึ่งสภาพเส้นทางของวันที่ 2 ช่วงแรกประมาณ 80 กิโลนี้ไม่โหดเท่าไหร่ แต่จากบ้านเปิ่งเคลิ้งเข้าไปเลตองคุนี่แหละครับของจริง ระยะทางเพียงแค่ 17 กิโลเมตร แต่พี่โด่งคาดการณ์เอาไว้ว่าน่าจะใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง ซึ่งถ้ามาคำนวนดูแล้ว จากระยะทางเอามาหารเวลา เราจะขับกับด้วยความเร็วเพียงแค่ ไม่เกิน 20 กิโลเมตร/ชั่วโมง ตลอด 17 กิโลเมตร พี่โด่งบอกว่าสภาพเส้นทางแบบนี้ โหดสุด ยากมากสำหรับรถโรงงานเดิมๆ จะเข้าถึง นี่แหละคือภารกิจท้าทายของวันพรุ่งนี้ ...
ตื่นเช้าในวันที่ 2 เราต้องออกเดินทางกันแต่เช้า ประมาณ 6.30 เพื่อให้ไปถึงเลตองคุช่วงเที่ยง เพราะเราจะไปกินเที่ยงที่นั่น สำหรับบ้านเลตองคุเป็นพื้นที่วัฒนธรรมพิเศษกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยง เป็นลัทธิฤาษี นับถือฤาษี มีประวัติศาสตร์นานกว่า 200 ปี และเป็นที่เดียวที่ยังคงเหลืออยู่โลก สำหรับวิถีชีวิตของกระเหรี่ยงเลตองคุคือ การปลูกพืชสวนพืชไร่ โดยยังคงรักษาวัฒนธรรมประเพณีและความเชื่อแบบดั้งเดิมไว้ เช่น การห้ามตัดผม ผู้ชายจะมวยผมไว้ตรงกลางหัว ส่วนผู้หญิงจะมวยผมไว้ที่ท้ายทอย ชาวเลตองคุจะไม่เลี้ยงและไม่กินสัตว์ใหญ่ทุกชนิด เช่น หมู เป็ด ไก่ สัตว์ที่เลี้ยงเช่น ช้าง วัวและควาย จะเอาไว้ใช้งานเท่านั้นห้ามกินเด็ดขาดเพราะถือว่าเป็นสัตว์ใหญ่มีบุญคุณ และถ้าสัตว์เหล่านี้ตายไปจะต้องทำพิธีเผาให้ด้วย ส่วนสัตว์ที่ชาวเลตองคุกินคือ ปลา และสัตว์ที่ไม่ได้เลี้ยงไว้ นอกจากนี้ยังห้ามดื่มเหล้าด้วย หมู่บ้านเลตองคุเคร่งครัดเรื่องประเพณีความเชื่อและมีกฎระเบียบเป็นอย่างมาก ...
เราออกเดินทางจากอุ้มผาง ผ่านสภาพเส้นทางแบบโค้งขึ้น/ลงเขา ในช่วงแรกระยทางประมาณ 80 กิโลเมตร จนถึงบ้านเปิ่งเคลิ้ง จอดรวมตัว เตรียมพร้อมภาระกิจลุยหนักข้างหน้า บ้านเลตองคุที่เรากำลังจะเข้าไปตั้งอยู่กลางหุบเขาบริเวณพื้นที่ชายแดนไทย-พม่า การเดินทางในสมัยก่อนต้องวิ่งเข้าไปในประเทศพม่าแล้ววกกลับออกมาตรงบ้านเลตองคุ เพราะยังไม่มีถนนเข้าหมู่บ้าน แต่ในปัจจุบันได้งบประมาณมาทำถนนบ้าง แต่ก็ยังไม่เพียงพอ การเดินทางของคนที่จะเข้าไป และจากคนในหมูบ้านออกมาเป็นไปได้ยากลำบากมาก ได้ทราบมาว่าถ้าเป็นหน้าฝน แล้วฝนตกหนักการเข้าออกจะถูกตัดขาดทันที เพราะสภาพเส้นทางไม่สามารถใช้สัญจรได้
คาราวานรถฟอร์ด เรนเจอร์ ของเราพร้อมกันทุกคัน มีระบบตัวช่วยอะไรก็งัดออกใช้ให้หมด สำหรับคันเบอร์ 04 เป็นตัวท๊อป รุ่นไวล์ดแทรค สภาพเส้นทางโหดแบบนี้ แรงม้าไม่ค่อยจะมีผล แต่ที่จะเห็นได้ชัดเจนคือ แรงบิดระดับ 500 นิวตันเมตร นี่แหละครับ ที่พาเราผ่านอุปสรรคไปได้ในสภาพเส้นทางโหดแบบนี้ ขับเข้าไปเรื่อยๆ เริ่มเพิ่มเลเวลความโหดมากขึ้น การขึ้นเนินใช้ระบบ 4L ช่วย แถมด้วยระบบล็อกเฟืองท้าย ดิ้นกันสุดฤิทธิ์กว่าจะขึ้นได้ ยังดีมีตัวช่วยระบบช่วยการออกตัวขณะจอดบนทางลาดชัน (HLA) ส่วนตอนลงเนินไม่ยากเท่าไหร่ มีระบบควบคุมความเร็วขณะลงเขา (HDC) จากที่จับเวลา เราเดินทางได้ในความเร็วไม่เกิน 20 กิโลเมตร/ชั่วโมง จริงๆ ใช้เวลาทั้งหมด 3 ชั่วโมงในการเดินทางเข้ามาที่เลตองคุ
พี่ช้างอย่าเหยียบผมนะคร้าบบบบบ
ยางเดิมๆ รถเดิมๆ จากโรงงานก็ไปไหวนะ
ระหว่างทางเข้าหมู่บ้าน เราเริ่มภารกิจเล็กๆด้วยการช่วยบูรณะสะพานไม้ที่ชำรุดที่ใช้เป็นทางเข้าออกหลักระหว่างหมู่บ้านกับชุมชนภายนอก ลุยน้ำกันสนุกเลยครับงานนี้
เมื่อเดินทางถึงบ้านเลตองคุทัพสื่อมวลชนได้ร่วมแรงร่วมใจทำภารกิจเพื่อพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่และยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับชุมชนเขตวัฒนธรรมพิเศษกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุงและฟื้นฟูโรงเรียน ตชด. บ้านเลตองคุ โดยเปลี่ยนหลังคาโรงอาหารที่ชำรุดทรุดโทรมปรับปรุงพื้นกระเบื้องยางในห้องเรียนเพื่อให้เด็กๆเรียนหนังสือได้อย่างสะดวกสบายมากยิ่งขึ้นทาสีอาคารเรียนใหม่ติดตั้งเสาไฟโซลาร์เซลล์เพื่อเพิ่มแสงสว่างติดตั้งเครื่องกรองน้ำและแท้งก์น้ำเพื่อให้ชุมชนมีน้ำสะอาดในการอุปโภคบริโภคและปรับปรุงระบบแสงสว่างให้สุขศาลาประจำหมู่บ้าน โดยอุปกรณ์ต่างๆ ได้บรรทุกเข้ามาโดยฟอร์ด เรนเจอร์ทั้ง 10 คันหลังเสร็จภารกิจ สื่อมวลชนได้ตั้งแคมป์พักแรม และรับประทานอาหารพื้นบ้านของชาวกะเหรี่ยงฤาษี พร้อมชมการแสดงพื้นบ้านรำตงซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของหมู่บ้าน
รอยยิ้มแบบนี้ มันให้กำลังใจของคนที่เข้าไปช่วยเหลืออย่างที่สุด
ทริปนี้ ผมชอบภาพนี้มากที่สุด ...
เฮียๆ รู้ป่าวว่ามันสีอะไรหน่ะ
คนแก่ไม่กลัวไฟดูด ...
สิ่งที่พวกเราเข้าไปทำในวันนี้ จะเป็นส่วนหนึ่งให้พวกเค้ามีอนาคตที่ดีขึ้นในวันข้างหน้า
เช้าวันที่ 3 ของการเดินทาง เราตื่นขึ้นมาด้วยความสดใส สิ่งที่เราทำเอาไว้ให้หมูบ้านเลตองคุในวันนี้ จะช่วยทำให้พวกเค้ามีอนาคตที่ดีขึ้นได้อย่างแน่นอน เรากลับออกมาจากเลตองคุด้วยความสบายใจ แต่ก็ยังมีความกังวลอยู่ไม่น้อยเพราะเมื่อคืนมีฝนตกมาตอนเที่ยงคืนและตอนตี 3 ซึ่งการเดินทางขากลับรับรองได้ว่าสนุกแน่นอน และก็เป็นจริงอย่างที่คาดเอาไว้เราได้ทดสอบการขับขี่แบบต่างๆ อีกครั้งหนึ่งโดยเฉพาะการใช้ระบบ 4L และระบบล็อกเฟืองท้าย ลุยทางขึ้นเนิน ดิ้นกันเต็มที่ คนบอกไลน์ 2-3 คน ผู้ขับขี่ต้องมีทักษะในการขับรถออฟโรดพอประมาณ ไม่งั้นกลับออกไปยากแน่นอน นอกจากใส่ 4L และล็อกเฟืองท้ายแล้ว ต้องเลื่อนคันเกียร์มาที่ตำแหน่ง S และล็อกเกียร์ไว้ที่เกียร์ 2 เติมคันเร่งแบบเหยียบ/ย้ำ ห้ามเบรกจนรถหยุดเด็ดขาด ต้องดิ้นกันให้เต็มที่ ขึ้นไปให้ได้ คันไหนไม่ไหว ถอยหลังกลับลงมาตั้งหลักแล้วดันขึ้นไปใหม่ ขาออกใช้เวลาไปทั้งหมด 4 ชั่วโมง
รอดปลอดภัย ครบทุกคนนะ
จบทริปนี้ไปเรียบร้อย ระหว่างบินกลับบ้าน ยังนึกถึงความยากลำบากที่เราไปเจอมาในเลตองคุ เราไปเจอมาเพียงแค่ 2 วัน แต่คนที่นั่น เค้าเจอสภาพความเป็นอยู่แบบนั้นมาเป็น 10 ปี คิดแล้วเรายังสบายกว่าเค้าเยอะมาก เรามีทุกอย่าง มีเหลือ มีมากเกินไปด้วยซ้ำ ความรู้สึกที่ดีที่สุดของการได้ไปทริปนี้ คำเดียวสั้นๆ ง่ายๆ เลยครับ "แบ่งปัน" ทำได้แบบนี้ มีความสุขแน่นอน ...
ขอบคุณ
ฟอร์ดประเทศไทย ที่พาเราไปเรียนรู้คำว่า การแบ่งปัน
ทีมงาน DRIVE OUT ที่ดูแลตลอดทริป
บริษัทเทคโนเซล (เฟรย์) จำกัด เอื้อเฟื้อชุดอุปกรณ์บรรทุกสัมภาระในการเดินทางทำกิจกรรมในครั้งนี้