โตโยต้า แถลงยอดขายตลาดรถยนต์ครึ่งแรกของปี 2562 พร้อมคาดการณ์ตลาดรวมคงอยู่ในระดับ 1 ล้านคัน
นายมิจิโนบุ ซึงาตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด แถลงสถิติการจำหน่ายรถยนต์ครึ่งแรกของปี 2562 พร้อมประมาณการตลาดรถยนต์ไทยปี 2562 เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2562 ที่ผ่านมา ที่ ห้องบอลรูม โรงแรมคอนราด กรุงเทพฯ
นายซึงาตะ กล่าวว่า ปีนี้นับเป็นปีที่น่าจับตามองอีกปีหนึ่ง สำหรับตลาดรถยนต์ที่ทดสอบว่าจะสามารถรักษาระดับยอดขายที่ดีจากปีที่ ผ่านมาได้หรือไม่ ซึ่งการแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่ และกิจกรรมส่งเสริมการขายจากค่ายรถยนต์ มีส่วนสำคัญต่อการเติบโตของตลาดรถยนต์ในประเทศ โดยยอดขายรถยนต์ในครึ่งปีแรกของปี 2562 มียอดขายอยู่ที่ 523,770 คัน เติบโตเพิ่มขึ้น 7.1% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
สถิติการขายรถยนต์ ครึ่งแรกของปี 2562
ปริมาณการขายรวม 523,770 คัน เพิ่มขึ้น 7.1 %
รถยนต์นั่ง 206,540 คัน เพิ่มขึ้น 8.5 %
รถเพื่อการพาณิชย์ 317,230 คัน เพิ่มขึ้น 6.2 %
รถกระบะ 1 ตัน (รวมรถกระบะดัดแปลง) 258,375 คัน เพิ่มขึ้น 8.8 %
รถกระบะ 1 ตัน (ไม่รวมรถกระบะดัดแปลง) 225,508 คัน เพิ่มขึ้น 8.7 %
สำหรับแนวโน้มตลาดรถยนต์ของปี 2562 นายซึงาตะ คาดการณ์ว่า ตลาดรถยนต์รวมในครึ่งปีแรกเติบโตมากกว่าที่เคยคาดไว้ สืบเนื่องจากภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศไทยที่มีความแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง แต่อย่างไรก็ตามตลาดรถยนต์ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาปรับลดลงในรอบ 30 เดือน เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีผ่านมา ซึ่งคาดว่าความเชื่อมั่นของผู้บริโภคต่อภาวะเศรษฐกิจโลกที่ไม่แน่นอน อาจส่งผลกระทบต่อตลาดรถยนต์ในครึ่งปีหลัง คาดการณ์ว่าตลาดรถยนต์รวมในประเทศจะเติบโตอยู่ในระดับ 1 ล้านคัน เช่นเดียวกับที่ได้คาดการไว้ตั้งแต่ต้นปี และยังถือได้ว่าเป็นปีที่มียอดขายแตะระดับล้านคันเป็นปีที่สองติดต่อกัน
ประมาณการยอดขายรถยนต์ในประเทศ ปี 2562
ปริมาณการขายรวม 1,000,000 คัน ลดลง 4.0 %
รถยนต์นั่ง 387,229 คัน ลดลง 3.1 %
รถเพื่อการพาณิชย์ 612,769 คัน ลดลง 4.6 %
รถกระบะ 1 ตัน (รวมรถกระบะดัดแปลง) 496,088 คัน ลดลง 3.0 %
รถกระบะ 1 ตัน (ไม่รวมรถกระบะดัดแปลง) 432,898 คัน ลดลง 3.2 %
นายซึงาตะ กล่าวว่า สำหรับยอดขายโตโยต้าในช่วงครึ่งปีแรกอยู่ที่ 171,502 คัน เพิ่มขึ้น 20.8% ครองส่วนแบ่งการตลาด 32.7% ซึ่งมีปัจจัยหลักมาจากการตอบรับที่ดีของลูกค้า จากการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมาจนถึงต้นปีนี้ อาทิเช่น The All-New Camry ซึ่งมาพร้อมกับสถาปัตยกรรมยานยนต์ใหม่ TNGA และเครื่องยนต์ Dynamic Force ที่ให้ประสิทธิภาพการขับขี่สูงสุด Hilux Revo Z Edition ที่โดดเด่น เร้าใจ ด้วยกันชนและกระจังหน้าดีไซน์ใหม่ รวมไปถึงกิจกรรมส่งเสริมการขายของ Yaris และ ATIV
สถิติการขายรถยนต์ของโตโยต้า ครึ่งแรกของปี 2562
ปริมาณการขายโตโยต้า 171,502 คัน เพิ่มขึ้น 20.8 % ส่วนแบ่งตลาด 32.7 %
รถยนต์นั่ง 60,350 คัน เพิ่มขึ้น 12.8 % ส่วนแบ่งตลาด 29.2 %
รถเพื่อการพาณิชย์ 11 1,152 คัน เพิ่มขึ้น 25.6 % ส่วนแบ่งตลาด 35.0 %
รถกระบะ 1 ตัน (รวมรถกระบะดัดแปลง) 99,206 คัน เพิ่มขึ้น 29.2 % ส่วนแบ่งตลาด 38.4 %
รถกระบะ 1 ตัน (ไม่รวมรถกระบะดัดแปลง) 84,806 คัน เพิ่มขึ้น 32.7 % ส่วนแบ่งตลาด 37.6 %
นายซึงาตะ กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้ “The All-New Commuter” ที่ได้เปิดตัวไปเมื่อเดือนที่ผ่านมา สามารถตอบโจทย์ลูกค้า
ได้เป็นอย่างดี ทั้งในเรื่องความปลอดภัยที่เหนือระดับและความสบายที่เหนือชั้นสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร โตโยต้ามีความภูมิใจและอยากขอบคุณลูกค้าที่ไว้วางใจในผลิตภัณฑ์ของบริษัท โดยมียอดจองมากกว่า 2,000 คัน ซึ่งมากกว่าเป้าหมายที่ได้คาดการณ์ไว้
และสำหรับเป้าหมายของโตโยต้าในปีนี้ ยังยืนยันส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 33% ตามที่ได้ตั้งเป้าหมายไว้ตั้งแต่ต้นปี ด้วยยอดขายที่ 330,000 คัน เพิ่มขึ้น 4.7% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และเพื่อบรรลุเป้าหมายนี้บริษัทจะเสริมสร้างความแข็งแกร่งด้วยการเพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น และมุ่งมั่นในการสร้างยนตรกรรมที่ดียิ่งกว่า (Ever-Better Cars) เพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่ดีให้กับลูกค้าตลอดทั้งปี
สำหรับการส่งออกในครึ่งปีแรก โตโยต้าได้ส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปจำนวน 138,538 คัน ลดลง 5% จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ในส่วนของเป้าหมายการส่งออกในปี 2562 นั้น คาดการณ์ว่าปริมาณการส่งออกของโตโยต้ายังคงอยู่ที่ 270,000 คัน ลดลง 8% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา สืบเนื่องจากความต้องการที่ลดลงในภูมิภาคอเมริกากลาง อเมริกาใต้ และโอเชียเนีย นอกจากนี้ในด้านการผลิตของโตโยต้านั้น เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ของตลาดรถยนต์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ จึงยังคงยึดเป้าหมายเดิมในการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศและเพื่อการส่งออกอยู่ที่ 577,000 คัน ลดลง 2% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
ประมาณยอดขายรถยนต์ในประเทศของโตโยต้า ปี 2562
ปริมาณการขายรวม 330,000 คัน เพิ่มขึ้น 4.7 % ส่วนแบ่งตลาด 33.0 %
รถยนต์นั่ง 115,950 คัน เพิ่มขึ้น 3.2 % ส่วนแบ่งตลาด 29.9 %
รถเพื่อการพาณิชย์ 214,050 คัน เพิ่มขึ้น 5.6 % ส่วนแบ่งตลาด 34.9 %
รถกระบะ 1 ตัน (รวมรถกระบะดัดแปลง) 189,730 คัน เพิ่มขึ้น 7.2 % ส่วนแบ่งตลาด 38.2 %
รถกระบะ 1 ตัน (ไม่รวมรถกระบะดัดแปลง) 161,920 คัน เพิ่มขึ้น 7.3 % ส่วนแบ่งตลาด 37.4 %
นายซึงาตะ กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากเป้าหมายทางด้านธุรกิจ โตโยต้ายังมีอีกหนึ่งเป้าหมายที่ท้าทาย นั่นคือการเปลี่ยนแปลงตัวเองในฐานะผู้ผลิตรถยนต์ไปสู่การเป็นองค์กรแห่งการขับเคลื่อน ซึ่งเป็นการให้บริการทุกประเภทที่เกี่ยวข้องกับการเดินทาง สำหรับโครงการ “CU TOYOTA Ha:mo” คือการเดินทางระยะสั้นจากต้นทางสู่ปลายทาง ซึ่งได้การตอบรับเป็นอย่างดีจากนิสิต อาจารย์ รวมถึงเจ้าหน้าที่ และกำลังร่วมมือกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและพันธมิตรเพื่อศึกษาการปรับปรุงการขับขี่ปลอดภัยและการประหยัดพลังงาน และการเคลื่อนย้ายรถด้วยระบบขับขี่อัตโนมัติ ควบคู่ไปกับแผนการขยายบริการไปยังพื้นที่รอบนอกของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งโครงการดังกล่าวถือได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของการขับเคลื่อนที่ดียิ่งกว่า
นอกจากนี้โตโยต้ายังได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาทักษะของบุคลากร ซึ่งตลอดระยะเวลา 56 ปี ของการดำเนินธุรกิจในประเทศไทยโตโยต้าได้รับการยอมรับในฐานะที่เป็นองค์กรต้นแบบในด้านการบริหารจัดการด้วย “วิถีโตโยต้า” และ “ระบบการผลิตแบบโตโยต้า” ซึ่งทั้งสององค์ความรู้นี้ได้ถูกบรรจุอยู่ในหลักสูตรการเรียนการสอนสำหรับนักศึกษาที่วิทยาลัยเทคโนโลยียานยนต์โตโยต้าเพื่อเพิ่มพูนขีดความสามารถและทักษะด้านการบริหารจัดการ ในขณะเดียวกันรัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมให้นักศึกษาในสาขาด้านเทคโนโลยี สำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาตรีเพิ่มมากขึ้น ซึ่งเป็นที่มาของความร่วมมือระหว่างวิทยาลัยเทคโนโลยียานยนต์ โตโยต้าและมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี เพื่อพัฒนาหลักสูตรการศึกษาระดับปริญญาตรีด้านเทคโนโลยียานยนต์ ภายใต้ชื่อโครงการ “พัฒนาบุคลากรเชี่ยวชาญเทคโนโลยียานยนต์ Mobility Technologist” โดยเราเชื่อมั่นว่านักศึกษาที่จบจากโครงการนี้จะเป็นรากฐานสำคัญและช่วยพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศไทยในอนาคตต่อไป
ทางด้านการดำเนินงานเพื่อสังคมที่ดียิ่งกว่า ผ่านเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โตโยต้าเริ่มต้นการเปิดสายการผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฮบริด ที่โรงงานประกอบรถยนต์โตโยต้าเกตเวย์ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งเราพร้อมแล้วที่จะผลิตแบตเตอรี่เพื่อใช้ในรถยนต์ C-HR และ Camry รวมถึงรถยนต์ไฮบริดรุ่นใหม่ในอนาคต พร้อมทั้งโตโยต้ายังได้ริเริ่มโครงการ “การจัดการแบตเตอรี่ไฮบริดทั้งวงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์” ในรูปแบบของการ Rebuilt Reuse และ Recycle หรือ 3R โดยนำเข้าเครื่องจักรเทคโนโลยีชั้นสูงจากประเทศญี่ปุ่นเพื่อใช้ในการดำเนินการ สำหรับโครงการนี้เป็นการร่วมมือกันระหว่าง บริษัท โตโยต้า ทูโช (ไทยแลนด์) จำกัด บริษัท เด็นโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด และ บริษัท เวสท์ แมเนจเม้นท์ สยาม จำกัด และพร้อมที่จะเริ่มกระบวนการคัดแยกภายในเดือนหน้า โตโยต้าถือได้ว่าเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายแรกที่เริ่มระบบการจัดการแบตเตอรี่ไฮบริดทั้งวงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์ในประเทศไทย ทั้งนี้ไม่เพียงแต่ผู้ผลิตรถยนต์เท่านั้น แต่เรายังเปิดให้บริการกับลูกค้าทุกประเภทในอุตสาหกรรมอื่นๆด้วย เราเชื่อว่าโครงการดังกล่าวจะมีส่วนช่วยในด้านสิ่งแวดล้อม และสามารถทำให้ลูกค้าเป็นเจ้าของรถยนต์ไฮบริดได้ง่ายยิ่งขึ้น
ทางด้านกิจกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อม ปีนี้เป็นปีที่ครบรอบ 15 ปีของการปลูกป่าชายเลน นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณที่พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณได้เสด็จพระราชดำเนินไปเข้าร่วมปลูกป่าชายเลน และเก็บขยะชายเลนกับเราในครั้งนี้ ซึ่งกิจกรรมนี้ยังเป็นหนึ่งในโครงการของเราที่สนับสนุนปฏิญญากรุงเทพฯว่าด้วยการต่อสู้กับขยะในทะเลในภูมิภาคอาเซียน โดยได้รับความร่วมมือจากเครือข่ายกลุ่มพันธมิตรระหว่าง ภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กรไม่แสวงหาผลกำไร (NGOs) ทั้งนี้ยังมีอาสาสมัครกว่า 7,000 คน ร่วมกิจกรรมเก็บขยะชายเลนและปลูกพันธุ์ไม้ชายเลนจำนวน 50,000 ต้น ขยะชายเลนได้ถูกเก็บเป็นจำนวนรวมทั้งสิ้นกว่า 2.8 ตัน เพื่อนำไปคัดแยกและรีไซเคิลอย่างเหมาะสม สำหรับกิจกรรมในปีนี้ถือเป็นกิจกรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศไทยเท่าที่เคยมีมา โดยตลอดระยะเวลา 15 ปี เราได้ร่วมกันปลูกป่าชายเลนในพื้นที่ไปแล้วรวมทั้งสิ้นกว่า 642,800 ต้น ช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้กว่า 8,400 ตันต่อปี* และรักษาความหลากหลายทางชีวภาพสัตว์จำนวน 128 ชนิด * ค่าเฉลี่ยการดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ของพันธุ์ไม้ชายเลนยืนต้นโตเต็มที่ อยู่ที่ประมาณ 13 ตันต่อปี ต่อไร่ — อ้างอิงจาก ICLEI : International Council for Local Environment Initiatives – Local Governments for Sustainability (www.iclei.org) สภาสากลที่ว่าด้วยเรื่องของการพัฒนาเพื่อความยั่งยืน ประกอบด้วยสมาชิกที่เป็นหน่วยงานเพื่อสิ่งแวดล้อมมากกว่า 200 แห่ง จาก 43 ประเทศ
สำหรับโครงการโตโยต้าถนนสีขาว ตลอดระยะเวลา 30 ปีที่ผ่านมา บริษัทมีความมุ่งมั่นในการส่งเสริมด้านความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน เพื่อนำไปสู่การสร้าง “สังคมคนขับรถดี” ผ่านกิจกรรมต่างๆ อาทิเช่น “หลักสูตรการขับขี่ปลอดภัย ประหยัดพลังงาน และรักษาสิ่งแวดล้อม” ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากตัวแทนจำหน่ายประชาชน นักศึกษาและผู้ขับขี่รถสาธารณะ โดยมีผู้เข้าร่วมโครงการมากกว่า 62,823 คน และเพื่อให้โครงการนี้ถูกขับเคลื่อนอย่างยั่งยืน บริษัทจึงเปิด “ศูนย์พัฒนาศักยภาพผู้ขับขี่รถยนต์โตโยต้า” ที่ Toyota Driving Experience Park เพื่อพัฒนาและเพิ่มทักษะการขับขี่รถยนต์อย่างปลอดภัย
และเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน โครงการโตโยต้าธุรกิจชุมชนพัฒน์ ซึ่งเป็นโครงการที่ถ่ายทอดองค์ความรู้ และประสบการณ์ในการจัดการธุรกิจของโตโยต้าให้กับผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตและลดต้นทุนการดำเนินงาน ตลอดจนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาเราได้ถ่ายทอดองค์ความรู้แก่ ธุรกิจชุมชน 16 จังหวัดทั่วประเทศ และมีแผนจะขยายการดำเนินงานเพิ่มเติมอีก 13 จังหวัดในปีหน้า
นายซึงาตะ กล่าวปิดท้ายว่า มีความยินดีที่อยากจะแจ้งให้ทุกท่านทราบว่า ในปีนี้ทีมแข่งโตโยต้า กาซู เรซซิ่ง ทีมไทยแลนด์ ได้นำรถ Toyota C-HR เข้าร่วมแข่งขันในรุ่น Super Production 3 และสามารถคว้าเส้นชัยอันดับ 3 ในรายการ “The Nurburgring 24 hour Endurance Race” ณ ประเทศเยอรมนี ซึ่งสนามนูร์เบอร์กริงได้รับการกล่าวขานว่าเป็นสนามที่ขับยาก ท้าทายและอันตรายที่สุดสนามหนึ่งในโลก ถือเป็นบทพิสูจน์ให้เห็นถึงสมรรถนะของเครื่องยนต์ที่แข็งแกร่งและทนทานของ Toyota C-HR และความสำเร็จนี้จะเป็นแรงบันดาลใจให้มุ่งมั่นที่จะพัฒนายนตรกรรมที่ดียิ่งกว่า
ประมาณการปริมาณการจำหน่ายรถยนต์ เดือนมิถุนายน 2562
1.) ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 86,048 คัน ลดลง 2.1%
อันดับ 1 โตโยต้า 28,925 คัน เพิ่มขึ้น 4.0 % ส่วนแบ่งตลาด 33.6 %
อันดับ 2 อีซูซุ 13,215 คัน เพิ่มขึ้น 2.1 % ส่วนแบ่งตลาด 15.4 %
อันดับ 3 ฮอนด้า 12,142 คัน เพิ่มขึ้น 15.1 % ส่วนแบ่งตลาด 14.1 %
2.) ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 35,409 คัน ลดลง 4.6%
อันดับ 1 โตโยต้า 9,732 คัน ลดลง 5.6 % ส่วนแบ่งตลาด 27.5 %
อันดับ 2 ฮอนด้า 9,150 คัน เพิ่มขึ้น 6.5 % ส่วนแบ่งตลาด 25.8 %
อันดับ 3 มาสด้า 4,055 คัน ลดลง 23.3 % ส่วนแบ่งตลาด 11.5 %
3.) ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 50,639 คัน ลดลง 0.2%
อันดับ 1 โตโยต้า 19,193 คัน เพิ่มขึ้น 9.7 % ส่วนแบ่งตลาด 37.9 %
อันดับ 2 อีซูซุ 13,215 คัน เพิ่มขึ้น 2.1 % ส่วนแบ่งตลาด 26.1 %
อันดับ 3 มิตซูบิชิ 3,885 คัน ลดลง 14.5 % ส่วนแบ่งตลาด 7.7 %
4.) ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน* (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV)
ปริมาณการขาย 40,335 คัน เพิ่มขึ้น 0.3%
อันดับ 1 โตโยต้า 17,229 คัน เพิ่มขึ้น 15.7 % ส่วนแบ่งตลาด 42.7 %
อันดับ 2 อีซูซุ 11,853 คัน ลดลง 0.1 % ส่วนแบ่งตลาด 29.4 %
อันดับ 3 มิตซูบิชิ 3,885 คัน ลดลง 14.5 % ส่วนแบ่งตลาด 9.6 %
*ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน: 4,906 คัน
โตโยต้า 2,386 คัน – มิตซูบิชิ 1,148 คัน – อีซูซุ 735 คัน – ฟอร์ด 389 คัน – เชฟโรเลต 189 คัน– นิสสัน 59 คัน
5.) ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 35,429 คัน ลดลง 0.7%
อันดับ 1 โตโยต้า 14,843 คัน เพิ่มขึ้น 15.2 % ส่วนแบ่งตลาด 41.9 %
อันดับ 2 อีซูซุ 11,118 คัน เพิ่มขึ้น 1.6 % ส่วนแบ่งตลาด 31.4 %
อันดับ 3 ฟอร์ด 3,115 คัน ลดลง 30.7 % ส่วนแบ่งตลาด 8.8 %
ประมาณการสถิติการจำหน่ายรถยนต์ เดือนมกราคม – มิถุนายน 2562
1.) ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 523,770 คัน เพิ่มขึ้น 7.1%
อันดับ 1 โตโยต้า 171,502 คัน เพิ่มขึ้น 20.8 % ส่วนแบ่งตลาด 32.7 %
อันดับ 2 อีซูซุ 89,177 คัน เพิ่มขึ้น 3.3 % ส่วนแบ่งตลาด 17.0 %
อันดับ 3 ฮอนด้า 64,699 คัน เพิ่มขึ้น 8.1 % ส่วนแบ่งตลาด 12.4 %
2.) ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 206,540 คัน เพิ่มขึ้น 8.5%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 60,350 คัน เพิ่มขึ้น 12.8 % ส่วนแบ่งตลาด 29.2 %
อันดับที่ 2 ฮอนด้า 48,889 คัน เพิ่มขึ้น 5.6 % ส่วนแบ่งตลาด 23.7 %
อันดับที่ 3 มาสด้า 25,826 คัน เพิ่มขึ้น 5.9 % ส่วนแบ่งตลาด 12.5 %
3.) ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 317,230 คัน เพิ่มขึ้น 6.2%
อันดับ 1 โตโยต้า 111,152 คัน เพิ่มขึ้น 25.6 % ส่วนแบ่งตลาด 35.0 %
อันดับ 2 อีซูซุ 89,177 คัน เพิ่มขึ้น 3.3 % ส่วนแบ่งตลาด 28.1 %
อันดับ 3 ฟอร์ด 26,883 คัน ลดลง 17.5 % ส่วนแบ่งตลาด 8.5 %
4.) ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน* (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV)
ปริมาณการขาย 258,375 คัน เพิ่มขึ้น 8.8%
อันดับ 1 โตโยต้า 99,206 คัน เพิ่มขึ้น 29.2 % ส่วนแบ่งตลาด 38.4 %
อันดับ 2 อีซูซุ 81,964 คัน เพิ่มขึ้น 3.8 % ส่วนแบ่งตลาด 31.7 %
อันดับ 3 ฟอร์ด 26,882 คัน ลดลง 15.8 % ส่วนแบ่งตลาด 10.4 %
*ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน: 32,867 คัน
โตโยต้า 14,400 คัน – มิตซูบิชิ 6,897 คัน – อีซูซุ 5,526 คัน – ฟอร์ด 3,497 คัน – เชฟโรเลต 1,746 คัน –นิสสัน 801 คัน
5.) ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 225,508 คัน เพิ่มขึ้น 8.7%
อันดับ 1 โตโยต้า 84,806 คัน เพิ่มขึ้น 32.7 % ส่วนแบ่งตลาด 37.6 %
อันดับ 2 อีซูซุ 76,438 คัน เพิ่มขึ้น 4.7 % ส่วนแบ่งตลาด 33.9 %
อันดับ 3 ฟอร์ด 23,385 คัน ลดลง 15.0 % ส่วนแบ่งตลาด 10.4 %