มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ได้ชวนทีมงาน 4x4Special ไปลองขับ NEW MITSUBISHI PAJERO SPORT 2019 รุ่นปรับโฉมใหม่ ที่มีกิจกรรมทดลองขับอย่างหลากหลายการใช้งาน โดยมีแบบออฟโรดให้เร้าใจกันพอประมาณ แถวเขื่อนแก่งกระจานนะครับ
MITSUBISHI PAJERO SPORT รุ่นใหม่นี้มีการพัฒนาให้ดีขึ้นหลายด้าน ดีไซน์รูปลักษณ์ภายนอกใหม่ เพิ่มเติมออฟชั่นจำเป็นในการใช้งาน รวมถึงการปรับเซ็ทช่วงล่างใหม่ให้ขับขี่ได้นุ่มสบายมากขึ้น
รูปลักษณ์ภายนอกปรับเปลี่ยนใหม่ ด้วยการออกแบบด้านหน้าแบบ Advanced Dynamic Shield เอกลักษณ์ของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ให้ความรู้สึกทรงพลังและมีความสปอร์ตมากขึ้น ชุดไฟหน้ารูปทรงเรียวคมรับกับแนวเส้นของกระจังหน้า ระบบส่องสว่างเป็นแบบโปรเจคเตอร์ Bi-LED มีระบบปรับระดับลำแสงอัตโนมัติ และติดตั้งชุดไฟ Combination Lamps ที่มุมของกันชนช่วยเพิ่มประโยชน์ใช้สอยในการส่องสว่างที่มองเห็นได้ชัดเจน และเพิ่มความบึกบึนแข็งแกร่งด้วยการยกขอบฝากระโปรงให้สูงกว่าเดิม
ชุดไฟ Combination Lamps ที่มุมของกันชน
ล้ออัลลอย 18 นิ้ว ลายใหม่ หรูขึ้นกว่าเดิม
ไฟท้ายออกแบบใหม่
มุมมองด้านหลังของ NEW MITSUBISHI PAJERO SPORT 2019 ไฟท้ายดีไซน์ใหม่สีแดงสดโดดเด่นด้วยแนวเส้นส่องสว่างแบบ LED มองเห็นได้ชัดเจน ต่ำลงมาเป็นกันชนขนาดใหญ่ ด้านข้างตัวรถมีการปรับตำแหน่งของบันไดข้างให้สูงขึ้นเพื่อเพิ่มสมรรถนะบนเส้นทางออฟโรด เหนือขึ้นไปบนหลังคายังดีไซน์เสาอากาศแบบครีบฉลามใหม่เพิ่มความหรูหรา
ภายในห้องโดยสารออกแบบให้หรูหรา อัพเกรดอุปกรณ์อำนวยความสะดวกเพิ่มเติมหลายรายการ เริ่มจากเทคโนโลยีการเชื่อมต่อและควบคุมการใช้งานด้วยจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ LCD ขนาด 8 นิ้วใหม่ ที่ง่ายต่อการอ่านค่า มีการแสดงผลมาตรวัดความเร็ว มาตรวัดรอบเครื่องยนต์และข้อมูลอื่นๆ ของตัวรถ พร้อมกับแสดงสถานะของระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ที่ปรับเปลี่ยนรูปแบบหน้าจอได้ 3 รูปแบบ รองรับเมนูภาษาไทย สามารถเชื่อมต่อ และแสดงข้อมูลจากหน้าจอระบบสัมผัส SDA (Smartphone-link Display Audio) ขนาด 8 นิ้ว จึงไม่ต้องละสายตาจากจอแสดงข้อมูลขับขี่ อีกทั้งยังรองรับการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนและ Apple CarPlay ใช้งานง่ายและยังสามารถสั่งงานด้วยเสียง ส่วนผู้โดยสารตอนหลังถูกจัดเต็มด้วยจอภาพพร้อมรีโมทคอนโทรล ขนาด 12.1 นิ้ว ติดตั้งบนเพดานรถ รองรับการเชื่อมต่อผ่าน USB และสมาร์ทโฟนผ่าน HDMI
นอกจากนี้ภายในห้องโดยสารยังปรับปรุงใหม่เพื่อเพิ่มประโยชน์ใช้สอย และความสะดวกสบายพื้นที่บริเวณหัวเข่า และข้อศอกกว้างขวางยิ่งขึ้น พร้อมติดตั้งวัสดุบุนุ่มบริเวณมือจับประตูและคอนโซลกลางเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายขึ้นไปอีกขั้น และมีการติดตั้งช่องเก็บของเพิ่มที่บริเวณหน้าคันเกียร์ และช่องวางของที่ด้านล่างของคอนโซลกลาง พร้อมติดตั้งเพิ่มช่องจ่ายไฟ ช่องเสียบ USB 2 จุด และช่องเสียบ HDMI 1 จุด
อีกหนึ่งออฟชั่นสำคัญที่เพิ่มเติมในรุ่นนี้ คือประตูท้ายเปิด-ปิดด้วยไฟฟ้า พร้อมการสั่งงานร่วมกับระบบมิตซูบิชิ รีโมท คอนโทรล ผู้ขับขี่สามารถสั่งงานเปิด-ปิดประตูท้ายผ่านสมาร์ทโฟน โดยสามารถตั้งค่าให้เปิดหรือปิดอัตโนมัติเมื่อผู้ขับขี่เดินเข้ามาใกล้หรือเดินออกห่างจากตัวรถ นอกจากนี้ระบบมิตซูบิชิ รีโมท คอนโทรล ยังสามารถแสดงข้อมูลเกี่ยวกับสถานะตัวรถ ข้อมูลการใช้งาน การแจ้งเตือนระบบ และการสั่งงานอื่นๆ ได้อีกมากมาย ตอบโจทย์การใช้งานของผู้ขับขี่ที่ชอบการทำงานไปพร้อมกับแอปพลิเคชั่นบนมือถือ
เราออกเดินทางแบบออฟโรดมุ่งสู่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ระยะทางประมาณ 200 กม. ผ่านการจราจรที่หนาแน่นในเมือง ช่วงนี้เราได้ทดลองใช้ฟีเจอร์ใหม่ ทั้งระบบเบรกมืออัตโนมัติ Auto Parking Brake (APB) และระบบเบรกอัตโนมัติเมื่อจอดอยู่กับที่ Brake Auto Hold (BAH) ซึ่งทำงานได้ดีช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ให้มากยิ่งขึ้น
ทางด้านสมรรถนะการขับขี่ยังคงเป็นเครื่องยนต์เดิม MIVEC Clean Diesel VG Turbo ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ พร้อมสปอร์ตโหมด แถม Paddle Shift ให้ด้วย สมรรถนะการขับขี่โดยรวมเมื่อขับเดินทางไกลใช้ความเร็วเดินทางต่อเนื่องอยู่ในระดับที่น่าพึงพอใจ กำลังของเครื่องยนต์พอเพียงต่อการใช้งาน ทั้งจังหวะออกตัวหรือการเร่งแซง การเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ ราบเรียบ นุ่มนวล ส่วนช่วงล่างยังคงยึดพื้นฐานเดียวกับรุ่นเดิมแต่เซ็ทค่าสปริงหลังใหม่ ความรู้สึกจากขับขี่ และลองเป็นผู้โดยสารตอนหลัง ก็ถือว่านิ่งขึ้น นุ่มนวลมากขึ้นกว่าเดิม คิดว่าน่าจะปรับมาเพื่อตอบสนองคนใช้งานในเมืองมากขึ้น
สิ่งที่ชอบเป็นการส่วนตัวของเครื่องยนต์ตัวนี้คือ แรงบิด 430 นิวตัน-เมตร ที่แสดงผลงานในรอบเครื่องต่ำ และลากยาวไปแบบเพลินๆ ช่วยให้การขับขี่สนุกมากขึ้น อัตราเร่งมาแบบเนียนๆ เรื่อยๆ ตามสไตล์รถครอบครัว พอใช้ความเร็วสูงแบบคงที่ระหว่าง 100 -120 กม./ชม. ยิ่งได้ความนุ่มนวลมากขึ้นไปอีก ถือว่าเป็นการเซ็ทช่วงล่างมาให้แมทช์กับเครื่องยนต์ได้พอดี
ส่วนระบบความปลอดภัยต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นระบบสัญญาณเตือนจุดอับสายตา ที่พิเศษกว่ารถยนต์รุ่นอื่นถ้าผู้ขับเปิดสวิทซ์สัญญาณไฟเลี้ยวเมื่อตรวจพบรถยนต์ในตำแหน่งจุดอับสายตาจะมีเสียงเตือนเพิ่มเข้ามาแจ้งให้ผู้ขับไม่ควรแซงโดยเด็ดขาด
อีกระบบที่ได้ทดลองบางช่วง คือ ระบบล็อคความเร็วแบบแปรผันอัตโนมัติ ACC โดยสามารถตามรถคันหน้าได้จนถึงรถคันหน้าหยุดนิ่งภายในเวลา 2 วินาที ซึ่งจะไม่ตัดการทำงาน กรณีที่มีรถตัดหน้าหรือหยุดกระทันหัน ก็จะมีระบบเตือนการชนด้านหน้า พร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว FCM มาช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้ครบถ้วนมากยิ่งขึ้น
สำหรับเส้นทางแบบออฟโรด เราเข้ามาลองของกันในอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ระยะทางไม่ไกลมาก ประมาณ 9 กม. เพื่อทดสอบระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Super Select 4WD-II ที่มาพร้อม 4 โหมดการขับขี่ ได้แก่ โหมด 2H ระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ (2WD High-Range) โหมด 4H (4WD High-Range) ขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ Full-Time All Wheel Control โหมด 4HLc ระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัตราทดความเร็วสูง (4WD High-Range with Locked Transfer) และ โหมด 4LLc ระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัตราทดความเร็วต่ำ (4WD Low-Range with Locked Transfer) นอกจากนี้ ยังแถมโหมดออฟโรด 4 รูปแบบ ได้แก่ Gravel, Mud/Snow, Sand และ Rock รวมทั้งระบบล็อกเฟืองท้ายอัตโนมัติที่ทำงานร่วมกับระบบล็อกเฟืองท้ายกลาง (Center Differential Lock) เมื่อกดสวิทซ์ที่คอนโซลเพื่อต้องการให้ระบบนี้ทำงานจะช่วยล็อกเฟืองท้ายเพื่อให้มีการกระจายพละกำลังสู่ล้อคู่หลังแบบ 50-50 ตลอดเวลา ระบบนี้คอออฟโรดรู้ดีอยู่แล้วว่า จำเป็นต้องใช้ และใช้แล้วสนุกสนานขนาดไหน
ด้วยสภาพเส้นทางที่ทางทีมงานจัดมาให้แบบพอหอมปากหอมคอ ไม่โหดมาก ประเมินแล้ว เลือกใช้ 4HLc ก็น่าจะเพียงพอสำหรับการขับผ่านสภาพเส้นทางที่หลากหลาย ทั้ง ทางฝุ่น ทางโคลน วิ่งผ่านลำธารธรรมชาติ แค่ 4HLc ก็ไปได้แบบสบายๆ ไม่ลำบาก เพิ่มเติมก็แค่ทักษะการควบคุมพวงมาลัย และคุมความเร็วอย่างเหมาะสม นอกนั้นไม่ต้องทำอะไรแล้วครับ รถมันพาเราไปเองเลย ...
นอกจากอุปกรณ์อำนวยความสะดวก ที่เล่าให้ฟังไปแล้ว NEW MITSUBISHI PAJERO SPORT 2019 ยังติดตั้งเทคโนโลยีระบบความปลอดภัยทั้งแบบป้องกันและแบบปกป้องมากที่สุด ต้องย้ำนะครับว่า มากที่สุดกว่าแบรนด์อื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น ระบบตัดกำลังเครื่องยนต์ชั่วขณะเมื่อเหยียบคันเร่งอย่างรุนแรงและรวดเร็ว (UMS) ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวพร้อมระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล (ASTC) ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (HSA) ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน (HDC) และเทคโนโลยีความปลอดภัยแบบปกป้อง ก็จัดเต็มทั้งถุงลมนิรภัย 7 ตำแหน่ง และโครงสร้างตัวถังนิรภัย RISE (Reinforced Impact Safety Evolution) ที่ใช้เหล็กแรงดึงสูงเพื่อช่วยลดการยุบตัวของห้องโดยสารจากการชนทุกทิศทางเพื่อความปลอดภัยสูงสุด...ตรงนี้แฟนมิตซูบิชิน่าจะรู้ดี
ก่อนจบ อยากจะแนะนำเรื่องของความสะดวกสบายหลังจากซื้อไปแล้ว คือเรื่อง แอพพลิเคชั่น M-Connect รองรับการเชื่อมต่อข้อมูลของตัวรถไปยังสมาร์ทโฟน โดยมี 4 เมนูหลัก ได้แก่ Roadside Assistance บริการช่วยเหลือบนท้องถนนตลอด 24 ชั่วโมงเมื่อสั่งการผ่าน สมาร์ทโฟน และหน้าจอระบบสัมผัส (SDA) Vehicle Information การรายงานข้อมูลทั้งสภาพรถ ประวัติการเข้ารับบริการ และแสดงข้อมูลตัวขณะขับขี่ Vehicle Health Report การแจ้งเตือนสถานะของตัวรถเพื่อการตรวจสอบและซ่อมบำรุง อาทิ ระบบกุญแจอัจฉริยะ ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ระบบเบรกเป็นต้น และ Emergency Call การประสานงานช่วยเหลือฉุกเฉินทางการแพทย์ตลอด 24 ชั่วโมง โดยระบบนี้ทำงานทันทีเมื่อถุงลมนิรภัยทำงานหรือสั่งการผ่านสมาร์ทโฟนและหน้าจอระบบสัมผัส(SDA)
เอาเป็นว่า ที่เล่ามาทั้งหมด NEW MITSUBISHI PAJERO SPORT 2019 มีการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นหลายด้าน โดยเฉพาะออฟชั่นอำนวยความสะดวกที่ให้แบบรักกันมากถึงกล้าให้ขนาดนี้ และระบบความปลอดภัยที่อัดแน่นแบบที่คู่แข่งคลาสเดียวกันมีอาย ผมว่ามิตซูบิชิมาถูกทาง และตรงจุดนี้ถือเป็นจุดขายที่ดี ขออนุญาตมั่นใจก่อนเลยว่าตัวเลขยอดขาย NEW MITSUBISHI PAJERO SPORT 2019 น่าจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องแน่นอน
ราคาจำหน่าย NEW MITSUBISHI PAJERO SPORT 2019
- รุ่น 2WD GT ราคาจำหน่ายเริ่มต้น 1,299,000 บาท
- รุ่น 2WD GT-PREMIUM ราคาจำหน่ายเริ่มต้น 1,469,000 บาท
- รุ่น 4WD GT-PREMIUM ราคาจำหน่ายเริ่มต้น 1,599,000 บาท