Toyota ทุ่มงบลงทุนศึกษาผลิตอากาศยานในกลุ่ม Multirotor
ปัจจุบัน บริษัทผู้ผลิตรถยนต์หลักๆ หลายราย ต่างมองหาเทคโนโลยีใหม่ๆ สำหรับการเดินทางในยุคอนาคต แนวโน้มที่เด่นชัดที่สุดในช่วงหลายปีที่ผ่านมาคือ อากาศยานในกลุ่มเฮลิคอปเตอร์แบบหลายใบพัด หรือ Multirotor ซึ่งมีจุดเด่นอยู่ที่ความสามารถในการยกตัวขึ้น-ลงในแนวดิ่ง ต่างจากพาหนะในกลุ่ม Roadable aircraft หรือ Flying car ที่ต้องอาศัยรันเวย์ในการขึ้น-ลง และน่าจะสร้างปัญหาจุกจิกได้เชิงทฤษฎี หากจะมีการพัฒนาให้ใช้งานในเมืองใหญ่ที่การจราจรแออัด
ล่าสุดยักษ์ใหญ่จากญี่ปุ่นอย่างโตโยต้า ได้ใช้งบลงทุนถึง 394 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 1.2 หมื่นล้านบาท สนับสนุนสตาร์ทอัพสหรัฐฯ Joby Aviation LLC เพื่อพัฒนาอากาศยานไฟฟ้าในกลุ่มนี้ และอย่างที่เกริ่นไปข้างต้น จุดเด่นของพาหนะชนิดนี้คือ เทคโนโลยีขึ้น-ลงในแนวดิ่ง หรือ “VTOL” (vertical take-off and landing เช่น เฮลคอปเตอร์) ทว่าในปัจจุบัน หลายบริษัทมีการเติมตัวอักษร e เพิ่มเติมเข้าไป (eVTOL) เพื่อแสดงสถานะของยานพาหนะในกลุ่มไฟฟ้านั่นเอง
สำหรับอากาศยานต้นแบบของ Joby นั้น เบื้องต้นเป็นอากาศยานไฟฟ้าล้วนแบบแบตเตอรี่ 6 โรเตอร์ ห้องโดยสาร 5 ที่นั่ง (รวมนักบิน) บินได้ระยะทางประมาณ 241 กม. ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ทำความเร็วสูงสุดได้ประมาณ 321 กม./ชม. มีความเงียบมากกว่าอากาศยานทั่วไปราว 100 เท่า และแน่นอนว่าการปลดปล่อยคาร์บอนมีค่าเท่ากับศูนย์
Akio Toyoda ประธานโตโยต้าแสดงความเอาจริงเอาจังในแผนงานนี้ด้วยการการันตีว่า การลงทุนเกี่ยวกับเทคโนโลยีการขนส่งทางอากาศในครั้งนี้ (ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจโดยสาร หรือธุรกิจขนส่งสินค้า) เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นเป็นอย่างมาก และเป็นแผนงานระยะยาวของโตโยต้า โดยตัวเขาเองนั้นเชื่อมั่นว่า นี่คือการปฏิวัติการขนส่งในอนาคตอย่างแท้จริง และมันมีศักยภาพมากพอที่จะเกิดขึ้นจริงได้
Joby Aviation เดิมมีแบ๊คอัพกระเป๋าหนักร่วมลงทุนหลายราย ในช่วงปี 2018 พวกเขาเริ่มต้นพัฒนาอากาศยานไฟฟ้าด้วยงบราว 130 ล้านดอลลาร์ จากการลงทุนร่วมกันของ Intel, สายการบิน JetBlue, Toyota (แผนกการลงทุนด้าน AI) และ Capricorn Investment Group (แบ๊คอัพของ Tesla และ SpaceX)… ทว่าการลงงบครั้งล่าสุดของโตโยต้านี้ ยังผลให้โตโยต้ากลายเป็นผู้ลงทุนหลักในแผนงานอากาศยานไฟฟ้าของ Joby Aviation ทันที
หากถามว่าโตโยต้าเอาจริงแค่ไหน?… งานนี้นอกจากเงินลงทุนก้อนใหญ่แล้ว โตโยต้าจะสนับสนุน Joby โดยแบ่งปันองค์ความรู้ในด้านเทคโนโลยีการผลิต (ในเชิงปริมาณ), คุณภาพในการผลิต และการควบคุมต้นทุนในการผลิตด้วย