พงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์
“ในปีที่ผ่านมา เอ็มจี เปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ถึง 3 รุ่น รวมถึงเพิ่มจำนวนของโชว์รูมและศูนย์บริการครบ 150 แห่ง และมียอดขายรวมเพิ่มขึ้น 7% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยเอ็มจีเป็นแบรนด์รถยนต์ที่มียอดขายมากที่สุดในกลุ่มรถยนต์ SUV โดยเฉพาะ ในกลุ่ม C-SUV และยังเป็นผู้นำในกลุ่มรถยนต์พลังงานไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ (BEV) ทั้งนี้ ในปัจจุบัน เรามียอดขายรถยนต์เอ็มจีสะสมรวมทั้งสิ้น กว่า 100,000 คัน และในส่วนของการผลิต เอ็มจี ถือเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์พวงมาลัยขวา และได้เริ่มทยอยส่งออกรถยนต์ไปยังประเทศอินโดนีเซีย และประเทศเวียดนาม ก่อนจะขยายไปยังประเทศต่างๆ ในภูมิภาคอาเซียน รวมถึงตลาดรถยนต์พวงมาลัยขวาในประเทศอื่นๆ ในอนาคตอันใกล้
โดยเอ็มจียังคงมุ่งมั่นที่จะนำเสนอสิ่งที่ดีกว่าในทุกๆ มิติที่เป็นไปได้ และเชื่อว่าทุกสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภคสามารถเกิดขึ้นได้ และดียิ่งขึ้นในทุกวัน ด้วยแนวคิด 3 แกนหลัก ได้แก่ เทคโนโลยี (Technology) ความทันสมัย (Fashion) และ ความคุ้มค่า (Value)”
ทั้งนี้ คุณพงษ์ศักดิ์ กล่าวเสริมถึงความคืบหน้าของแผนงานขยายสถานีชาร์จ “โดยล่าสุดเอ็มจีได้ติดตั้งสถานีชาร์จที่ศูนย์บริการเอ็มจีทั่วประเทศแล้วทั้งสิ้น 108 แห่ง และได้เปิดบริการอย่างเป็นทางการแล้ว จำนวน 70 แห่ง ซึ่งในจำนวนนี้ สามารถเปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง ได้แล้วทั้งสิ้น 22 แห่ง ครอบคลุมทั้งในกรุงเทพฯ และหัวเมืองใหญ่ ในภูมิภาคต่างๆ โดยลูกค้าสามารถใช้แอพพลิเคชั่น i-SMART ตรวจสอบเวลาการทำงาน และความพร้อมใช้งานของ MG SUPER CHARGE และยังสามารถค้นหาเพื่อทำการจอง ตลอดจนการเติมเงินและการจ่ายเงินค่าใช้บริการ และเริ่มชาร์จรถยนต์พลังงานไฟฟ้าได้จากโทรศัพท์มือถือ
โดยปัจจุบัน เอ็มจี กำลังเดินหน้าสู่แผนงานในระยะที่สองเพื่อติดตั้งสถานีชาร์จ MG SUPER CHARGE อีกกว่า 500 แห่งทั่วประเทศ เพื่อที่จะบรรลุเป้าหมายในการมีสถานีชาร์จอย่างน้อย 1 สถานีชาร์จ ในทุกๆ 150 กิโลเมตร ซึ่งจะช่วยลดความกังวลในการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าได้ในระยะยาว
ล่าสุด เอ็มจีได้ประกาศค่าบริการชาร์จไฟฟ้าที่ MG SUPER CHARGE ในช่วง Off Peak (วันจันทร์ - วันศุกร์ ระหว่างเวลา 22.00 – 08.00 น. และวันเสาร์ - วันอาทิตย์ ทั้งวัน) อยู่ที่ 6.50 บาทต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง และในช่วง On Peak (วันจันทร์ - วันศุกร์ ระหว่างเวลา 08.00 – 22.00 น.) อยู่ที่ 7.50 บาทต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง” นายพงษ์ศักดิ์ กล่าวสรุป