นิสสันเสริมทัพความแกร่งด้วยการเติมออปชั่นให้มากขึ้นชนิดที่เรียกว่าคุ้มค่าคุ้มราคา โดยเฉพาะในอนุกรมของ แบล็ค อิดิชั่น ด้วยชุดแต่งโทนสีดำภายนอกรอบคัน เพิ่มความโฉบเฉี่ยว สปอร์ต ดุดัน แข็งแกร่ง และ เร้าใจยิ่งกว่าเดิม เสริมการตกแต่งภายในด้วยวัสดุพรีเมียมโทนสีดำสอดคล้องกับรูปลักษณ์ภายนอก เพิ่มความปลอดภัยรอบคันกับ 360° Safety Shield มาพร้อมกับ feature ความสะดวกสบายที่ครบเครื่อง จุดเด่นอีกอย่างคือเครื่องยนต์ขนาด 2.3 L Twin Turbo รหัส YS23DDTT เครื่องยนต์แถวเรียง 4 สูบ ความจุ 2.3 ลิตร DOHC เทอร์โบคู่ สมรรถนะแรง ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร และจุดเด่นในเรื่องของการขับขี่ด้วยโครงสร้างแบบโมโนเฟรม แชสซีทำจากเหล็กกล้าชิ้นเดียวตลอดคัน (Fully Boxed Frame) เหมาะกับการใช้งานที่ต้องการประสิทธิ์ภาพและการบังคับควบคุมที่ดี และเมื่อต้องการบรรทุกถือว่ายืนหนึ่งในการบรรทุกหนัก
แบล็ค อิดิชั่น มาพร้อมกับชุดแต่งโทนสีดำรอบคัน ไล่มาตั้งแต่กระจังหน้าแบบ interlock โทนสีดำ รับกับกันชนหน้าด้านล่างสีดำ, กระจกมองข้าง, มือเปิดประตู, มือจับประตูท้าย และ โป่งล้อสีดำ เสริมความดุดันให้มากยิ่งขึ้นด้วยสติ๊กเกอร์สไตล์ Black Edition โทนสีดำลายกราฟิกดุดันรอบคัน ไฟหน้าแบบ Quad-eyed LED พร้อม Day-time Running Light และไฟท้าย LED แบบ light guide ให้ทัศนะวิสัยที่ดีสำหรับการขับขี่ยามค่ำคืน โดดเด่นด้วยดีไซน์ที่เฉพาะตัวคมเข้มด้วยล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้วลายใหม่
เพิ่มเติมเทคโนโลยีความปลอดภัยขั้นสูงรอบคัน 360° Safety Shield ทั้งแบบ active Safety และ passive Safety จากระบบช่วยเหลือการขับขี่ขั้นสูง 360° Safety Shield ในทุกรุ่นย่อยเพิ่มความปลอดภัยในการเดินทางได้มากขึ้น ความปลอดภัยที่เพิ่มเติมให้คือ เทคโนโลยีเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนอัจฉริยะ (Intelligent Forward Collision Warning – IFCW) ทำงานร่วมกับระบบเบรกฉุกเฉินอัจฉริยะ (Intelligent Emergency Braking – IEB) เพื่อชะลอความเร็ว และหยุดรถ เพื่อลดความรุนแรง หรือ ลดความสียหายที่จะเกิดจากอุบัติเหตุ เทคโนโลยีป้องกันการชนจากจุดอับสายตา (Intelligent Blind Spot Intervention – IBSI)ทำงานร่วมกับเทคโนโลยีเตือนจุดอับสายตา Blind Spot Warning (BSW) เพิ่มความปลอดภัยในสถานการณ์ที่ต้องการเปลี่ยนช่องทาง กรณีมีรถคันอื่นอยู่ในช่องทางขับขี่ด้านข้างซึ่งผู้ขับขี่ไม่สามารถมองเห็น หากยังพบการเบี่ยงเข้าหาช่องทางด้านข้างที่มีรถตามมาในจุดอับสายตา ระบบจะส่งแรงเบรกอย่างนุ่มนวลเพื่อดึงรถกลับสู่เส้นทางการขับขี่ที่ปลอดภัย
เมื่อไล่เรียงเทคโนโลยีความปลอดภัยยังมีอีกหลายระบบ เช่น ระบบควบคุมรถเมื่อออกนอกช่องทาง (Intelligent Lane Intervention – ILI) ทำงานร่วมกับเทคโนโลยีเตือนเมื่อรถออกนอกเส้นทาง Lane Departure Warning (LDW), การตรวจจับวัตถุด้านหลังขณะถอยออกจากช่องจอด (Rear Cross Traffic Alert – RCTA), การเตือนวัตถุเคลื่อนไหวรอบคัน Moving Object Detection (MOD), กล้องอัจฉริยะมองภาพรอบทิศทาง (Intelligent Around View Monitor – IAVM) ช่วยให้การขับรถในสถานการณ์ต่าง ๆ ง่ายยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการขับขี่ในเส้นทางออฟโร้ดที่เพิ่มเติม Off-Road Meter เพื่อมุมมองและประสิทธิ์ในการลุยให้มากขึ้นโดยเฉพาะการขับขี่ในโหมด 4L
เทคโนโลยี NissanConnect รองรับการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนผ่าน Apple CarPlay และ Android Auto สำหรับการใช้งานแอพพลิเคชั่นต่างๆ เช่น ระบบนำทาง (Navigation system) แอปพลิเคชั่นฟังเพลงต่าง ๆ ผ่านจอเครื่องเสียงรถยนต์หน้าจอระบบสัมผัสขนาด 8 นิ้ว และมีระบบสั่งงานด้วยเสียง (Voice Recognition) การออกแบบภายในห้องโดยสารเน้นความเป็นส่วนตัวด้วย ด้วย Noise-reducing acoustic glass ลดเสียงรบกวนจากภายนอก เริ่มตั้งแต่กระจกบังลมหน้าและกระจกคู่หน้า ตกแต่งภายในด้วยหนังแท้รอบห้องโดยสารโทนสีดำ เบาะนั่งพรีเมี่ยมบุด้วยวัสดุพิเศษ Quole Modure ไม่สะสมความร้อนสะดวกสบายด้วยเบาะนั่งปรับไฟฟ้า (Power Seat) ตอบโจทย์ด้านอรรถประโยชน์ของการใช้งานให้ทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร นอกจากนี้ยังมาตรวัดที่มีหน้าจอสีแสดงผลแบบ TFT สามมิติ ขนาด 7 นิ้วโดยสามารถแสดงข้อมูลได้อย่าง ระบบเตือนนำทางแบบ Turn-by-Turn Direction, ระบบช่วยขับขี่ต่าง ๆ, ระบบเตือนเมื่อเหนื่อยล้าจากการขับขี่ (Intelligent Driver Alertness) รวมถึงพอร์ต USB Type C บริเวณคอนโซลกลาง สำหรับรุ่นย่อยที่มีการปรับเพิ่มเติมนั้นสามารถเข้าไปดูรายละเอียดได้ใน www.nissan.co.th
