การเปิดตัวของ New Toyota Yaris ATIV ครั้งนี้ต้องบอกว่าเมื่อเห็นราคากับออฟชั่นที่ให้มาแบบสุดตาราง ตั้งใจทุบคู่แข่งในสเป็คนี้แบบเต็มๆ ซึ่งการตั้งราคาแต่ละรุ่นย่อยนั้นทำให้ตลาดกลุ่มนี้ต้องสั่นสะเทือน ในช่วงเปิดตัวทำยอดจองได้มากกว่า 8,000 คันในช่วงเวลาสั้นๆ และไม่กี่วันหลังจากสื่อมวลชนได้ทดสอบอย่างเป็นทางการ เจ้า New Toyota Yaris ATIV ก็เริ่มเห็นบอกท้องถนนหนาตามากขึ้นอย่างรวดเร็ว นอกเหนือจากภาพลักษณ์ที่สวยงามหรูหรามากขึ้นอย่างชัดเจน เหนือไปกว่านั้นคือการเพิ่มเติมในเรื่องของระบบความปลอดภภัย การเลือกใช้วัสดุภายในที่มีคุณภาพหรูหรา รวมถึงระบบอำนวยความสะดวกต่างๆ แบบเกินพิกัด ด้วยราคาเริ่มต้นที่เร้าใจ และในรุ่นท้อปมีราคาต่ำกว่าคู่แข่งในตลาดเกือบทั้งหมด
SPORT ราคา 539,000 บาท
SMART ราคา 584,000 บาท
PREMIUM ราคา 659,000 บาท
PREMIUM LUXURY ราคา 689,000 บาท
นอกเหนือจากราคาที่เย้ายวนแล้วทางโตโยต้าได้เตรียมแคมเปญเด็ดๆ เพื่อให้เป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้นไว้รอท่าเป็นหมัดเด็ดที่สอง ไม่ว่าจะเป็น ผ่อนเริ่มต้นเพียง 5,499 บาทต่อเดือน (ดาวน์ 25% 84 เดือน) พร้อมฟรีประกันภัยชั้น 1 โตโยต้าแคร์ “ขับดีลดให้” PHYD หรือ รับดอกเบี้ยต่ำสุด 0.75% (ดาวน์ 25% 48 เดือน) พร้อมฟรีประกันภัยชั้น 1 โตโยต้าแคร์ “ขับดีลดให้” PHYD อีกหนึ่งทางเลือก เท่านั้นยังไม่พอยังมีแคมเปญ Payroll สำหรับพนักงานที่มีเงินเดือนประจำรับข้อเสนอสุดพิเศษ “ไม่ต้องดาวน์ ไม่ต้องมีผู้ค้ำ” พร้อมส่วนลดดอกเบี้ยสูงสุด 0.40% มูลค่ากว่า 14,000 บาท และกลัวไม่ครอบคลุมลูกค้าครบทุกกลุ่ม ยังมีแคมเปญ Graduate สำหรับกลุ่มนักศึกษาจบใหม่ด้วยข้อเสนอพิเศษ ส่วนลดดอกเบี้ยสูงสุด 0.40%มูลค่ากว่า 14,000 บาท ไม่เรียกว่าทำให้ตลาดเดือดตลาดแตกยังไงไหว
ในแง่ของตัวรถนั้นมีการพัฒนาไปไกลกว่าเดิมมากนัก ถูกพัฒนาบนแพลตฟอร์ม DNGA ที่พัฒนาร่วมกับ Daihatsu เช่นเดียวกับ Toyota Veloz ที่ทำให้ตลาดสั่นสะเทือนมาก่อนหน้านี้ ตัวรถมีระยะฐานล้อยาวเพิ่มขึ้นอีก 70 มม. ส่งผลโดยตรงให้ภายในห้องโดยสารมีพื้นที่วางขามากขึ้น โดยเฉพาะผู้โดยสารตอนหลังที่รับกับการออกแบบแนวเส้นหลังคาที่ลาดยาวสไตล์รถฟาสแบค ทำให้แนวหลังคาด้านหลังยาวมากขึ้น ผู้โดยสารตอนหลังที่มีความสูงระดับ 180 ซม. ก็ยังพอได้รับความสะดวกสบายรวมถึงแนวกระจกที่ห่างจากท้ายทอยมากขึ้น ช่วงกลางวันแดดร้อนๆ นั่งสบายไม่รู้สึกร้อนตรงท้ายทอย ตัวรถจะมีขนาดมิติตัวถังที่ใหญ่ขึ้นในทุกด้าน หลังจากได้ทดลองขับสัมผัสได้ถึงความคล่องตัวเหนือกว่าที่คิด การขับขี่ในสภาพการจราจรที่หนาแน่นมีความคล่องตัวสูง เพราะรัศมีวงเลี้ยวเพียง 4.8 เมตร น้อยกว่ารุ่นเดิมที่มีรัศนมีวงเลี้ยว 5.1 เมตร อีกส่วนหนึ่งเป็นเพราะน้ำหนักตัวรถที่เบากว่าเดิม โดยรวมแล้วเรื่องความสวยงามความกว้างขวางสะดวกสบายภายในห้องโดยสารต้องบอกเลยว่าทำได้ดีมากๆ
เมื่อเข้าสู่ภายในห้องโดยสารยิ่งเห็นถึงความชัดเจนว่าต้องการกลับมาเป็นผู้นำในตลาดอย่างจริงจัง คือการออกแบบภายในห้องโดยสาร รวมถึงการเลือกใช้วัสดุภายในห้องโดยสารที่มีความพรีเมี่ยมหรูหรา พร้อมกับออปชั่นในเรื่องของระบบอำนวยความสะดวกที่ให้มาครบเครื่องจริงๆ ตั้งแต่เบรกมือไฟฟ้า พร้อม Auto Brake Hold, ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ พร้อมกรอง PM 2.5, หน้าจอแสดงผลขนาด 9 นิ้วและชุดเครื่องเสียงคุณภาพสูงจาก Pioneer
สิ่งที่จัดเต็มและเป็นจุดขายที่ยากจะปฏิเสธคือเรื่องของระบบความปลอดภัย ทั้ง Active Safety และ Passive safety สิ่งแรกที่น่าสนใจคือระบบเบรกจัดเต็มด้วย ดิสค์เบรก 4 ล้อ ในรุ่นท้อปและรุ่นรองท้อป ถ้าจัดเต็มตั้งแต่รุ่นเริ่มต้นจะทำให้กลุ่มลูกค้ายิ่งตัดสินใจง่ายขึ้น ในกลุ่มนี้มีเพียงคู่แข่งบางค่ายเท่านั้นที่ให้มาครบทุกรุ่นย่อย ระบบความปลอดภัยขั้นสูง Toyota Safety Sense มีให้ตั้งแต่ในรุ่น Smart ในรุ่นเริ่มต้นอย่างรุ่น Sport ระบบความปลอดภัยพื้นฐานมาให้ครบเพียงพอกับการใช้งาน ในรุ่น Premium ขึ้นไปเพิ่มระบบเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง, ระบบเตือนเมื่อมีรถตัดผ่านขณะถอยหลัง, ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ, กล้องมองรอบคัน 360 องศา และเพื่อความสะดวกสบายในการเดินทางไกลด้วยระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแปรผันแบบ Stop & Go ในแง่ความปลอดภัยและออฟชั่นต่างๆ โดดเด่นที่สุดในกลุ่มเลยทีเดียว
เรื่องของสมรรถนะของเครื่องยนต์นั้นบอกตามตรง เครื่องยนต์บล็อกเดิม ถ้าไม่มีราคาที่ดึงดูดกับออฟชั่นที่เร้าใจขนาดนี้ เรื่องเครื่องยนต์อาจจะทำให้ผู้ซื้อต้องลังเลไม่น้อยเพราะเทียบกับคู่แข่งในตลาดต้องถือว่าเป็นรถคนละเจนเนอร์เรชั่นไปแล้ว แต่เครื่องยนต์ตัวนี้มีดีที่ที่ความประหยัด เพราะลูกค้ากลุ่มหลักของโตโยต้าต้องการรถยนต์ที่ตอบสนองดีในระดับหนึ่ง เน้นเรื่องความทนทานและความประหยัด มีการปรับเครื่องยนต์เล็กน้อยทำให้ได้พละกำลังขยับขึ้นมาอยู่ในระดับ 94 แรงม้า (จากเดิม 92 แรงม้า) พร้อมแรงบิด 110 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมิติแบบ CVT การตอบสนองเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้าเห็นได้ชัดถึงความเปลี่ยนแปลง เครื่องยนต์ตอบสนองทันทีตั้งแต่กดคันเร่งลงไป การตอบสนองของเกียร์กับเครื่องยนต์เข้าขากันดีทำให้รู้สึกถึงความกระฉับกระเฉงคล่องตัวต่างจากรุ่นที่แล้วชัดเจน การเร่งแซงมีการตอบสนองที่ดีขึ้นเล็กน้อย แต่ที่น่าสนใจคือเรื่องของความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง การขับขี่ปกติทั่วไปในความเร็วเดินทางปกติ 110-120 กม./ชม. ตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองระดับ 19-22 กม./ลิตรเป็นเรื่องที่ไม่เกินเลย นับว่าเป็นจุดเด่นของเครื่องยนต์ในบล็อกนี้
การเซ็ทช่วงล่างที่เน้นความนุ่มนวลสำหรับลูกค้ากลุ่มใหญ่ที่ซื้อมาเพื่อใช้งานในครอบครัวใช้ในชีวิตประจำวัน ถือว่าการตอบสนองทำได้ดีตั้งแต่ความเร็วต่ำ ความเร็วปานกลาง และความเร็วเดินทางปกติ 110-120 กม./ชม. แต่ถ้าเร็วกว่านั้นช่วงล่างจะเริ่มออกอาการหวิวๆ ให้รู้สึกต้องเกร็งข้อมือในการจับพวงมาลัย และ โฟกัสกับการขับขี่มากขึ้น ถ้าเป็นคนที่ชอบขับรถเร็วหรือชอบฟิลลิ่งแบบหนึบๆ แน่นๆ ก็ควรหาช็อคอัพดีๆ สักชุดก็จะช่วยเปลี่ยนคาร์แร็คเตอร์การตอบสนองย่านความเร็วสูงหรือการเข้าโค้งได้ดีขึ้นมาก ณ เวลานี้ถ้ามองถึงความคุ้มค่าคุ้มราคากับสมรรถนะโดยรวมแล้วก็ถือว่าตอบโจทย์ได้ดีทีเดียว
