ขับยาริส เอทีฟ เที่ยวเชียงใหม่ แล้วแว็บไปดู โตโยต้ามอเตอร์สปอร์ต
![](http://www.4x4specialmag.com/images/column_1521617611/01%20copy.jpg)
การแข่งขันรถยนต์ทางเรียบรายการ โตโยต้า มอเตอร์สปอร์ต 2017…FAST FUN FEST ‘LIVE EXPERIENCE’ ปิดท้ายความมันส์สนามสุดท้ายของปี 2017 ไปเมื่อวันที่ 9-10 ธันวาคม ที่ผ่านมา ณ สนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี จังหวัดเชียงใหม่ โดยสนามนี้ ทีมงาน 4x4Special และ www.autocarspecial.com ได้รับชวนให้บินไปชมด้วย แต่เราเลือกเดินทางโดยรถยนต์ ยาริส เอทีฟ เพื่อขับท่องเที่ยว และชื่นชมบรรยากาศหนาวแรกที่เชียงใหม่ในคราวเดียวกัน
![วิวพลิ้วลมหนาวบนดอย](http://www.4x4specialmag.com/images/column_1521617611/02.jpg)
หลังจากได้รับความเห็นใจอย่างแรงจาก “ลุงเอก” และ “น้องกุ๊ก” ในทีมพีอาร์ของทางโตโยต้า ทำให้ได้รับ ยาริส เอทีฟ พาหนะสำหรับการเดินทางในครั้งนี้เรียบร้อย จุดหมายของเราคือดอยอินทนนท์ ระยะทางจากบ้านไปถึงที่ทำการดอยอินทนนท์ อยู่ที่ประมาณ 730 กิโลเมตร ก็เลยเลือกออกเดินทางในตอนกลางคืน เพื่อให้ไปถึงเช้าพอดี
การเดินทางก็ไปตามทางหลวงปกติ ปทุมธานี/อยุธยา/อ่างทอง/สิงห์บุรี /ชัยนาท/นครสวรรค์/กำแพงเพชร/ตาก/ลำปาง/ลำพูน/เข้าเชียงใหม่ ระยะทางช่วงแรกเป็นทางราบโดยตลอด เบาะนั่งทั้งด้านหน้าและหลัง นั่งสบาย ไม่ปวดเมื่อย ผู้ขับและผู้โดยสาร มีความรู้สึกผ่อนคลาย ส่วนหนึ่งมาจากความกว้างขวางของห้องโดยสาร จุดเด่นอีกอย่างคือการเก็บเสียงภายในห้องโดยสารออกแบบมาได้ดี ไม่มีเสียงรบกวนจากภายนอกเข้ามามากนัก
![เจอคุณลุงคนนี้ ปั่นขึ้นมาจากตีนดอย](http://www.4x4specialmag.com/images/column_1521617611/03.jpg)
เรื่องหนึ่งที่ผู้โดยสารในทริปนี้ชอบมาก คือเครื่องเสียงและภาคความบันเทิงที่ตอบสนองได้หลากหลาย ทั้งการเชื่อมต่อบลูธูทจากโทรศัพท์ หรือเสียบสายดาต้าลิงค์โดยตรง ทำได้สะดวก เนื้อเสียงของเครื่องเสียงชุดนี้ค่อนข้างดี ไม่มีความจำเป็นต้องไปเปลี่ยนใหม่เลย
ในส่วนของเครื่องยนต์ DUAL VVT-i ขนาด 1.2 ลิตร และระบบเกียร์อัตโนมัติ Super CVT-i ที่มีการปรับจูนซอฟท์แวร์สมองกลเกียร์ ให้ตอบสนองต่อการขับขี่ที่ดีมากขึ้น เครื่องยนต์และเกียร์ทำงานสัมพันธ์กัน อัตราเร่งใช้ได้เลยทีเดียว สำหรับรถในรูปแบบอีโค่คาร์ การเร่งแซง กดคิกดาวน์เบาๆ เกียร์ก็ตอบสนองให้อย่างรวดเร็ว รอบเครื่องยนต์ไม่กระชากขึ้นไปสูงมากเกินไป และเมื่อแซงผ่านเรียบร้อยผ่อนคันเร่งลงมา รอบเครื่องยนต์ก็ลงมาอยู่ในช่วงของการเดินทางปกติ ซึ่งการตอบสนองจากการปรับซอฟท์แวร์ของเกียร์ CVT ในรูปแบบนี้จะช่วยให้รถประหยัดน้ำมันได้มากยิ่งขึ้น
เราได้มีการลองจับอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง ระยะทางจากบ้าน ไปถึงปั๊ม ปตท.ก่อนที่จะแยกเข้าอำเภอเถิน จับระยะได้ 497 กิโลเมตร ความเร็วในการเดินทางที่ใช้อยู่ที่ประมาณ 90-110 กิโลเมตร/ชั่วโมง คุมคันเร่งไปแบบสบายๆ เติมน้ำมันชดเชยกลับเข้าไป 24.8 ลิตร คำนวณอัตราการสิ้นเปลืองออกมาได้ 20.04 กิโลเมตร/ลิตร ประหยัดได้อย่างน่าประทับใจเลยทีเดียว
![ยาริสสดชื่นกับสายหมอกที่ 8 องศา](http://www.4x4specialmag.com/images/column_1521617611/04.jpg)
หลังจากนั้นเราเดินทางต่อ คราวนี้เป็นสภาพเส้นทางขึ้นเขา มีทั้งทางชันนิดหน่อย และชันนิดเยอะ ต้องคิกดาวน์บ่อยครั้งเพื่อให้เครื่องยนต์มีพละกำลังมากขึ้น ความโดดเด่นของ ยาริส เอทีฟ ในช่วงนี้ที่เห็นได้อย่างชัดเจนก็เป็นเรื่องการตอบสนองของช่วงล่างที่ทำได้อย่างน่าประทับใจ ในส่วนของการซับแรงสั่นสะเทือนของโช้คอับ ที่ถูกปรับใหม่ ทั้งด้านหน้าและหลัง ช่วยให้มีความมั่นใจในการเข้าโค้ง และการใช้ความเร็วที่สูงขึ้น ให้การตอบสนองที่นุ่มนวล ไม่กระด้าง กับขนาดและน้ำหนักตัวรถ รวมผู้โดยสาร 3 คน และสัมภาระ ช่วงล่างชุดนี้ยังตอบสนองได้อย่างดีเยี่ยม เป็นรถอีโค่คาร์ที่มีช่วงล่างโดดเด่นรุ่นหนึ่งในตลาดเลยทีเดียว
เราเดินทางเข้าตัวเมืองเชียงใหม่ เสร็จแล้วก็เดินทางต่อขึ้นไปยังดอยอินทนนท์ ระยะทางจากตัวเมืองเชียงใหม่ขึ้นไปถึงยอดดอยอินทนนท์ 106 กิโลเมตร โดยไปตามทางหลวงหมายเลข 108 เชียงใหม่-จอมทอง ถึงหลักกิโลเมตรที่ 57 ก่อนถึงอำเภอจอมทอง 1 กิโลเมตร แยกขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 1009 สายจอมทอง-อินทนนท์ จ่ายค่าผ่านทางที่จุดตรวจที่ 1 อีก 130 บาท เหลือระยะทาง 48 กิโลเมตร เราก็จะถึงยอดดอยอินทนนท์ ซึ่งเส้นทางช่วงนี้กรมอุทยานได้ทำการลาดยางใหม่อย่างดี แต่ทางขึ้นโดยส่วนใหญ่จะเป็นทางชัน บางช่วงชันมาก เพราะฉะนั้นแนะนำว่า ท่านที่จะนำรถไปเองควรตรวจสอบสภาพรถของท่านให้พร้อมใช้งาน
ช่วงทางขึ้นตั้งแต่ตีนดอยไปจนถึงจุดสูงสุด เครื่องยนต์ต้องใช้พละกำลังค่อนข้างมาก บางช่วงกดคิกดาวน์แล้วรอบเครื่องขึ้นไปอยู่ที่ 4,000-5,000 รอบ เราสามารถขับขึ้นไปได้แบบสบายๆ ถามจากผู้โดยสารแล้ว ไม่มีอาการวิงเวียนแต่อย่างใด คงเพราะช่วงล่างที่ค่อนข้างนุ่ม แต่หนึบ เลยไม่มีอาการโคลงมากนัก ซึ่งก็ช่วยให้ผู้โดยสารไม่เมารถ เราขึ้นมาประมาณ 20 กิโลเมตรเศษ ก็ถึงจุดชมวิวกิ่วแม่ปาน การจราจรหนาแน่นตึ๊บ นักท่องเที่ยวจอดรถไม่มีระเบียบตามริม 2 ข้างทาง ทั้งที่มีลานจอดด้านในก็ไม่เข้าไปจอด และยังลงมาถ่ายเซลฟี่กันบนถนน รถที่จะสัญจรผ่านก็ทำได้ยาก แสดงให้เห็นถึงความน่ารักของคนไทยที่แก้ไม่หายซักที
![โค้งลงเขา ช่วงล่างไปได้แบบนุ่มหนึบ](http://www.4x4specialmag.com/images/column_1521617611/05.jpg)
เมื่อถึงจุดชมวิวบนยอดดอยอินทนนท์ มีประชาชนมาเที่ยวชมกันมากมาย ขนาดเราขึ้นมาในช่วงเช้ารถยังติดหนึบ บ้างก็จอดตามไหล่ทางเพื่อลงไปถ่ายรูป เราเองก็อยากมีส่วนร่วม แต่ไม่อยากทำให้รถติดมากขึ้น จึงตัดสินใจกลับรถ เดินทางเข้าตัวเมืองเชียงใหม่ เมื่อลงมาถึงตีนดอย ก็จัดการเติมน้ำมันอีกครั้งเพื่อหาอัตราสิ้นเปลือง การเดินทางในช่วงนี้ระยะทาง 262 กิโลเมตร เติมน้ำมันชดเชยเข้าไป 16.7 ลิตร หารออกมาแล้วได้ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 16.2 กิโลเมตร/ลิตร ประหยัดใช้ได้เลยทีเดียว แม้จะใช้กำลังเครื่องยนต์ค่อนข้างมาก
![](http://www.4x4specialmag.com/images/column_1521617611/08.jpg)
ลงมาถึงตัวเมืองเชียงใหม่ ก็ต้องแวะทุกครั้งกับ RISTR8TO LAB รสชาติกาแฟหอมชื่นใจ อารมณ์แบบนั่งชิลๆ จิบกาแฟยามบ่าย เสร็จแล้วก็เข้าพักที่โรงแรม Kantary Hotel มื้อเย็นนั้นเราออกไปกินร้าน “ข้าวต้มพุ้ยสวนดอก” เมนูประจำคือผัดผักบุ้งไฟแดงและผัดคะน้าหมูกรอบ ส่วนจับฉ่ายสูตรเด็ดนี่ต้มเอาไว้อยู่แล้วตักเสิร์ฟได้เลย รสชาติกลมกล่อม ชอบมาก หลังจากนั้นก็ไปต่อกันที่ “ซุ้มเฮียฮ๋ง บะหมี่มาเฟีย” ร้านบะหมี่ขวัญใจชาวเชียงใหม่
![ผัดคะน้าหมูกรอบแสนอร่อย](http://www.4x4specialmag.com/images/column_1521617611/10.jpg)
![ซุ้มเฮียฮ๋ง บะหมี่มาเฟีย](http://www.4x4specialmag.com/images/column_1521617611/12.jpg)
ซุ้มเฮียฮ๋ง ย้ายจากประเสริฐแลนด์ ออกมาอยู่ติดถนนใหญ่เยื้องฝั่งตรงข้ามที่เดิม เปิดตั้งแต่ 18.00-02.00 น.ไม่ว่าจะมาเป็นคี่เป็นคู่ เป็นกลุ่ม 3-4 คน หรือมาเป็นโขลง สามารถรองรับได้เต็มที่ วันนี้เรามาลองบะหมี่เกี๊ยวหมูแดงธรรมดา 45 บาท ไซส์มาตรฐาน อิ่มเบาๆ ออพชั่นครบครัน เกี๊ยวน้ำ, หมูแดงชิ้นหนาๆ และไข่ออนเซ็น เหมาะสำหรับ 1 ท่าน และเมนูที่หลายคนต้องอื้อหือ กับบะหมี่ “พ่อมึงตาย” ราคา 700 บาท ถ้ามาไม่ถึง 10 คน สั่งมากินก็คง “ตายก่อนพ่อ” เพราะบะหมี่ทั้งหมด 60 ก้อน หมูแดงไม่รู้ หมูเด้งไม่รู้ เกี๊ยวหมูไม่รู้ มันเยอะเหลือเกิน งานนี้สายแข็งถ้าอยากประกาศศักดา นิมนต์เลย เฮียรออยู่
![บะหมี่มาเฟียเฮียฮ๋ง](http://www.4x4specialmag.com/images/column_1521617611/13.jpg)
![ซุปกระดูกหมูรสเด็ด](http://www.4x4specialmag.com/images/column_1521617611/14.jpg)
ตื่นเช้าวันอาทิตย์เราก็พร้อมทำงานกับ โตโยต้า มอเตอร์ สปอร์ต 2017 ที่สนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี โดยชมแว็บๆไปจนครบทุกรุ่น ทั้ง “วีออส วันเมคเรซ เลดี้คัพ” กับนักแข่งสาวสวยทั้ง 9 คน “วีออส วันเมคเรซ ดิวิชั่น 1” มีรถลงแข่งขัน 15 คัน แข่งขัน 20 รอบสนาม ในขณะที่รุ่น “วีออส วันเมคเรซ ดิวิชั่น 2” มีรถลงแข่งขัน 6 คัน แข่งขัน 20 รอบ สนุกเร้าใจไปกับรุ่นใหญ่ “โคโรลล่า อัลติส วันเมคเรซ” มีรถลงแข่งขัน 12 คัน แข่งขัน 22 รอบสนาม ปิดท้ายด้วยรุ่นไฮไลท์ของการแข่งขันที่ทุกคนรอคอย รถกระบะทางเรียบ “ไฮลักซ์ รีโว่ วันเมคเรซ” เครื่องยนต์ 2,400 ซีซี.บทพิสูจน์ของกระบะสายพันธุ์แกร่ง กับช่วงล่างที่หนึบและสมรรถนะที่แรงสุดขีด มีรถลงแข่งขัน 13 คัน กับ 22 รอบ
![ไกรวุธ (31), จักรพันธ์ (28) และ Oda (25) อันดับ 1-2-3 วีออส ดิวิชั่น 1](http://www.4x4specialmag.com/images/column_1521617611/19.JPG)
![Rina (24) กับ กมลชนก (99) อันดับ 1-2 วีออส เลดี้คัพ](http://www.4x4specialmag.com/images/column_1521617611/20.JPG)
![สุพงศ์ ขำต้นวงษ์ (36) อันดับ 1 อัลติส วันเมคเรซ](http://www.4x4specialmag.com/images/column_1521617611/22.jpg)
![สะมอ (99) กับ นฤชิต (4) อันดับ 1-2 รีโว่ วันเมคเรซ](http://www.4x4specialmag.com/images/column_1521617611/25.jpg)
![ดริฟท์ปิดท้ายความมันส์](http://www.4x4specialmag.com/images/column_1521617611/27.jpg)
สำหรับความมันส์ในฤดูกาลหน้าสายสปีดตัวจริงสามารถติดตามข่าวการแข่งขันโตโยต้ามอเตอร์สปอร์ต 2018 ได้ทุกช่อง ทั้ง Facebook Instagram Youtube : ToyotaMotorsportThai และhttps://www.toyotamotorsport.net