ขับยาริส เอทีฟ เที่ยวเชียงใหม่ แล้วแว็บไปดู โตโยต้ามอเตอร์สปอร์ต

การแข่งขันรถยนต์ทางเรียบรายการ โตโยต้า มอเตอร์สปอร์ต 2017…FAST FUN FEST ‘LIVE EXPERIENCE’ ปิดท้ายความมันส์สนามสุดท้ายของปี 2017 ไปเมื่อวันที่ 9-10 ธันวาคม ที่ผ่านมา ณ สนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี จังหวัดเชียงใหม่ โดยสนามนี้ ทีมงาน 4x4Special และ www.autocarspecial.com ได้รับชวนให้บินไปชมด้วย แต่เราเลือกเดินทางโดยรถยนต์ ยาริส เอทีฟ เพื่อขับท่องเที่ยว และชื่นชมบรรยากาศหนาวแรกที่เชียงใหม่ในคราวเดียวกัน

หลังจากได้รับความเห็นใจอย่างแรงจาก “ลุงเอก” และ “น้องกุ๊ก” ในทีมพีอาร์ของทางโตโยต้า ทำให้ได้รับ ยาริส เอทีฟ พาหนะสำหรับการเดินทางในครั้งนี้เรียบร้อย จุดหมายของเราคือดอยอินทนนท์ ระยะทางจากบ้านไปถึงที่ทำการดอยอินทนนท์ อยู่ที่ประมาณ 730 กิโลเมตร ก็เลยเลือกออกเดินทางในตอนกลางคืน เพื่อให้ไปถึงเช้าพอดี
การเดินทางก็ไปตามทางหลวงปกติ ปทุมธานี/อยุธยา/อ่างทอง/สิงห์บุรี /ชัยนาท/นครสวรรค์/กำแพงเพชร/ตาก/ลำปาง/ลำพูน/เข้าเชียงใหม่ ระยะทางช่วงแรกเป็นทางราบโดยตลอด เบาะนั่งทั้งด้านหน้าและหลัง นั่งสบาย ไม่ปวดเมื่อย ผู้ขับและผู้โดยสาร มีความรู้สึกผ่อนคลาย ส่วนหนึ่งมาจากความกว้างขวางของห้องโดยสาร จุดเด่นอีกอย่างคือการเก็บเสียงภายในห้องโดยสารออกแบบมาได้ดี ไม่มีเสียงรบกวนจากภายนอกเข้ามามากนัก

เรื่องหนึ่งที่ผู้โดยสารในทริปนี้ชอบมาก คือเครื่องเสียงและภาคความบันเทิงที่ตอบสนองได้หลากหลาย ทั้งการเชื่อมต่อบลูธูทจากโทรศัพท์ หรือเสียบสายดาต้าลิงค์โดยตรง ทำได้สะดวก เนื้อเสียงของเครื่องเสียงชุดนี้ค่อนข้างดี ไม่มีความจำเป็นต้องไปเปลี่ยนใหม่เลย
ในส่วนของเครื่องยนต์ DUAL VVT-i ขนาด 1.2 ลิตร และระบบเกียร์อัตโนมัติ Super CVT-i ที่มีการปรับจูนซอฟท์แวร์สมองกลเกียร์ ให้ตอบสนองต่อการขับขี่ที่ดีมากขึ้น เครื่องยนต์และเกียร์ทำงานสัมพันธ์กัน อัตราเร่งใช้ได้เลยทีเดียว สำหรับรถในรูปแบบอีโค่คาร์ การเร่งแซง กดคิกดาวน์เบาๆ เกียร์ก็ตอบสนองให้อย่างรวดเร็ว รอบเครื่องยนต์ไม่กระชากขึ้นไปสูงมากเกินไป และเมื่อแซงผ่านเรียบร้อยผ่อนคันเร่งลงมา รอบเครื่องยนต์ก็ลงมาอยู่ในช่วงของการเดินทางปกติ ซึ่งการตอบสนองจากการปรับซอฟท์แวร์ของเกียร์ CVT ในรูปแบบนี้จะช่วยให้รถประหยัดน้ำมันได้มากยิ่งขึ้น
เราได้มีการลองจับอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง ระยะทางจากบ้าน ไปถึงปั๊ม ปตท.ก่อนที่จะแยกเข้าอำเภอเถิน จับระยะได้ 497 กิโลเมตร ความเร็วในการเดินทางที่ใช้อยู่ที่ประมาณ 90-110 กิโลเมตร/ชั่วโมง คุมคันเร่งไปแบบสบายๆ เติมน้ำมันชดเชยกลับเข้าไป 24.8 ลิตร คำนวณอัตราการสิ้นเปลืองออกมาได้ 20.04 กิโลเมตร/ลิตร ประหยัดได้อย่างน่าประทับใจเลยทีเดียว

หลังจากนั้นเราเดินทางต่อ คราวนี้เป็นสภาพเส้นทางขึ้นเขา มีทั้งทางชันนิดหน่อย และชันนิดเยอะ ต้องคิกดาวน์บ่อยครั้งเพื่อให้เครื่องยนต์มีพละกำลังมากขึ้น ความโดดเด่นของ ยาริส เอทีฟ ในช่วงนี้ที่เห็นได้อย่างชัดเจนก็เป็นเรื่องการตอบสนองของช่วงล่างที่ทำได้อย่างน่าประทับใจ ในส่วนของการซับแรงสั่นสะเทือนของโช้คอับ ที่ถูกปรับใหม่ ทั้งด้านหน้าและหลัง ช่วยให้มีความมั่นใจในการเข้าโค้ง และการใช้ความเร็วที่สูงขึ้น ให้การตอบสนองที่นุ่มนวล ไม่กระด้าง กับขนาดและน้ำหนักตัวรถ รวมผู้โดยสาร 3 คน และสัมภาระ ช่วงล่างชุดนี้ยังตอบสนองได้อย่างดีเยี่ยม เป็นรถอีโค่คาร์ที่มีช่วงล่างโดดเด่นรุ่นหนึ่งในตลาดเลยทีเดียว
เราเดินทางเข้าตัวเมืองเชียงใหม่ เสร็จแล้วก็เดินทางต่อขึ้นไปยังดอยอินทนนท์ ระยะทางจากตัวเมืองเชียงใหม่ขึ้นไปถึงยอดดอยอินทนนท์ 106 กิโลเมตร โดยไปตามทางหลวงหมายเลข 108 เชียงใหม่-จอมทอง ถึงหลักกิโลเมตรที่ 57 ก่อนถึงอำเภอจอมทอง 1 กิโลเมตร แยกขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 1009 สายจอมทอง-อินทนนท์ จ่ายค่าผ่านทางที่จุดตรวจที่ 1 อีก 130 บาท เหลือระยะทาง 48 กิโลเมตร เราก็จะถึงยอดดอยอินทนนท์ ซึ่งเส้นทางช่วงนี้กรมอุทยานได้ทำการลาดยางใหม่อย่างดี แต่ทางขึ้นโดยส่วนใหญ่จะเป็นทางชัน บางช่วงชันมาก เพราะฉะนั้นแนะนำว่า ท่านที่จะนำรถไปเองควรตรวจสอบสภาพรถของท่านให้พร้อมใช้งาน
ช่วงทางขึ้นตั้งแต่ตีนดอยไปจนถึงจุดสูงสุด เครื่องยนต์ต้องใช้พละกำลังค่อนข้างมาก บางช่วงกดคิกดาวน์แล้วรอบเครื่องขึ้นไปอยู่ที่ 4,000-5,000 รอบ เราสามารถขับขึ้นไปได้แบบสบายๆ ถามจากผู้โดยสารแล้ว ไม่มีอาการวิงเวียนแต่อย่างใด คงเพราะช่วงล่างที่ค่อนข้างนุ่ม แต่หนึบ เลยไม่มีอาการโคลงมากนัก ซึ่งก็ช่วยให้ผู้โดยสารไม่เมารถ เราขึ้นมาประมาณ 20 กิโลเมตรเศษ ก็ถึงจุดชมวิวกิ่วแม่ปาน การจราจรหนาแน่นตึ๊บ นักท่องเที่ยวจอดรถไม่มีระเบียบตามริม 2 ข้างทาง ทั้งที่มีลานจอดด้านในก็ไม่เข้าไปจอด และยังลงมาถ่ายเซลฟี่กันบนถนน รถที่จะสัญจรผ่านก็ทำได้ยาก แสดงให้เห็นถึงความน่ารักของคนไทยที่แก้ไม่หายซักที

เมื่อถึงจุดชมวิวบนยอดดอยอินทนนท์ มีประชาชนมาเที่ยวชมกันมากมาย ขนาดเราขึ้นมาในช่วงเช้ารถยังติดหนึบ บ้างก็จอดตามไหล่ทางเพื่อลงไปถ่ายรูป เราเองก็อยากมีส่วนร่วม แต่ไม่อยากทำให้รถติดมากขึ้น จึงตัดสินใจกลับรถ เดินทางเข้าตัวเมืองเชียงใหม่ เมื่อลงมาถึงตีนดอย ก็จัดการเติมน้ำมันอีกครั้งเพื่อหาอัตราสิ้นเปลือง การเดินทางในช่วงนี้ระยะทาง 262 กิโลเมตร เติมน้ำมันชดเชยเข้าไป 16.7 ลิตร หารออกมาแล้วได้ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 16.2 กิโลเมตร/ลิตร ประหยัดใช้ได้เลยทีเดียว แม้จะใช้กำลังเครื่องยนต์ค่อนข้างมาก

ลงมาถึงตัวเมืองเชียงใหม่ ก็ต้องแวะทุกครั้งกับ RISTR8TO LAB รสชาติกาแฟหอมชื่นใจ อารมณ์แบบนั่งชิลๆ จิบกาแฟยามบ่าย เสร็จแล้วก็เข้าพักที่โรงแรม Kantary Hotel มื้อเย็นนั้นเราออกไปกินร้าน “ข้าวต้มพุ้ยสวนดอก” เมนูประจำคือผัดผักบุ้งไฟแดงและผัดคะน้าหมูกรอบ ส่วนจับฉ่ายสูตรเด็ดนี่ต้มเอาไว้อยู่แล้วตักเสิร์ฟได้เลย รสชาติกลมกล่อม ชอบมาก หลังจากนั้นก็ไปต่อกันที่ “ซุ้มเฮียฮ๋ง บะหมี่มาเฟีย” ร้านบะหมี่ขวัญใจชาวเชียงใหม่


ซุ้มเฮียฮ๋ง ย้ายจากประเสริฐแลนด์ ออกมาอยู่ติดถนนใหญ่เยื้องฝั่งตรงข้ามที่เดิม เปิดตั้งแต่ 18.00-02.00 น.ไม่ว่าจะมาเป็นคี่เป็นคู่ เป็นกลุ่ม 3-4 คน หรือมาเป็นโขลง สามารถรองรับได้เต็มที่ วันนี้เรามาลองบะหมี่เกี๊ยวหมูแดงธรรมดา 45 บาท ไซส์มาตรฐาน อิ่มเบาๆ ออพชั่นครบครัน เกี๊ยวน้ำ, หมูแดงชิ้นหนาๆ และไข่ออนเซ็น เหมาะสำหรับ 1 ท่าน และเมนูที่หลายคนต้องอื้อหือ กับบะหมี่ “พ่อมึงตาย” ราคา 700 บาท ถ้ามาไม่ถึง 10 คน สั่งมากินก็คง “ตายก่อนพ่อ” เพราะบะหมี่ทั้งหมด 60 ก้อน หมูแดงไม่รู้ หมูเด้งไม่รู้ เกี๊ยวหมูไม่รู้ มันเยอะเหลือเกิน งานนี้สายแข็งถ้าอยากประกาศศักดา นิมนต์เลย เฮียรออยู่


ตื่นเช้าวันอาทิตย์เราก็พร้อมทำงานกับ โตโยต้า มอเตอร์ สปอร์ต 2017 ที่สนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี โดยชมแว็บๆไปจนครบทุกรุ่น ทั้ง “วีออส วันเมคเรซ เลดี้คัพ” กับนักแข่งสาวสวยทั้ง 9 คน “วีออส วันเมคเรซ ดิวิชั่น 1” มีรถลงแข่งขัน 15 คัน แข่งขัน 20 รอบสนาม ในขณะที่รุ่น “วีออส วันเมคเรซ ดิวิชั่น 2” มีรถลงแข่งขัน 6 คัน แข่งขัน 20 รอบ สนุกเร้าใจไปกับรุ่นใหญ่ “โคโรลล่า อัลติส วันเมคเรซ” มีรถลงแข่งขัน 12 คัน แข่งขัน 22 รอบสนาม ปิดท้ายด้วยรุ่นไฮไลท์ของการแข่งขันที่ทุกคนรอคอย รถกระบะทางเรียบ “ไฮลักซ์ รีโว่ วันเมคเรซ” เครื่องยนต์ 2,400 ซีซี.บทพิสูจน์ของกระบะสายพันธุ์แกร่ง กับช่วงล่างที่หนึบและสมรรถนะที่แรงสุดขีด มีรถลงแข่งขัน 13 คัน กับ 22 รอบ





สำหรับความมันส์ในฤดูกาลหน้าสายสปีดตัวจริงสามารถติดตามข่าวการแข่งขันโตโยต้ามอเตอร์สปอร์ต 2018 ได้ทุกช่อง ทั้ง Facebook Instagram Youtube : ToyotaMotorsportThai และhttps://www.toyotamotorsport.net